กรมประมง ร่วมกับ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เตรียมนำร่อง โครงการ “ติดเครื่องหมายเครื่องมือประมง” (Fishing Gear marking) เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นจากเครื่องมือประมงที่สูญหาย หรือ ถูกทิ้งกลางทะเล และปล่อยให้เป็นขยะสร้างมลภาวะในท้องทะเล โดยอนาคตเครื่องมือประมงจะถูกระบุตัวตนและสามารถตรวจสอบความเป็นเจ้าของเครื่องมือประมงได้อย่างชัดเจน ช่วยให้สามารถติดตามแหล่งที่มาของเครื่องมือประมง นำไปสู่การทำประมงอย่างรับผิดชอบได้ ​ จากปัญหาทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลที่ลดน้อยถอยลง จากการทำประมงที่เกินกำลังการผลิตของธรรมชาติ และปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ รวมทั้งปัญหาขยะทะเลได้ส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ที่ผ่านมา พี่น้องชาวประมงมีความตระหนักรักและหวงแหนในทรัพยากรสัตว์น้ำมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับบริบทของวิถีประมงไทย จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นกับท้องทะเลไทย ภายใต้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ที่มุ่งมั่นในการบริหารจัดการภาคการประมงของไทยให้ถูกต้องตามกฎหมาย และนำไปสู่เป้าหมายของทรัพยากรสัตว์น้ำที่ยั่งยืน ​และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมประมงเร่งขับเคลื่อนนโยบายสำคัญด้านการบริหารจัดการประมงอย่างยั่งยืน นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงได้เร่งดำเนินการจัดระเบียบประมงด้านต่างๆ เพื่อความยั่งยืนของทรัพยากร โดยมุ่งเน้นเพื่อการประกอบอาชีพที่มั่นคงของพี่น้องชาวประมง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการจัดระเบียบเรือประมง การควบคุมการทำประมง ภายใต้ความสมดุลกับทรัพยากรสัตว์น้ำ และการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนแรงงานในภาคการประมงให้ถูกต้องตามระเบียบ ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องชาวประมงเป็นอย่างดี ชาวประมงเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างรับผิดชอบมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่ก็มีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทยกลับคืนมา ​ ล่าสุด กรมประมง ร่วมกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ทั้ง 22 จังหวัด ได้มีแนวคิดร่วมกันที่จะดำเนินการ “ติดเครื่องหมายเครื่องมือประมง” (Fishing Gear marking) เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นจากเครื่องมือประมงที่สูญหาย ก่อให้เกิดขยะสร้างมลภาวะในท้องทะเล โดยการติด marking ที่เครื่องมือประมง จะทำให้สามารถตรวจสอบความเป็นเจ้าของเครื่องมือประมงได้ สามารถติดตามแหล่งที่มาของเครื่องมือ ซึ่งจะนำไปสู่การทำประมงอย่างรับผิดชอบ ซึ่งพี่น้องชาวประมง เห็นด้วยกับแนวการดำเนินการดังกล่าวนี้ เป็นการแสดงถึงจุดยืนของพี่น้องชาวประมงในการให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ในการช่วยกันดูแลรักษาท้องทะเลไทยให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ​ ทั้งนี้ กรมประมงได้มีการศึกษาทดลอง การติดเครื่องหมายเครื่องมือประมง ตั้งแต่เมื่อ ปี 2560 แล้ว โดยได้ทำทดลองศึกษา ชนิด วัสดุ และรูปแบบของเครื่องหมายที่มีความแข็งแรง ทนทาน ที่เหมาะสมเพื่อใช้สำหรับติดตั้งบนเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพสูง 8 ชนิดเครื่องมือ พบว่า อุปกรณ์ดังกล่าว มีความแข็งแรง เหมาะสม และไม่เป็นอุปสรรคในการทำประมง ​ นอกจากเรื่องของการติดเครื่องหมายบนเครื่องมือประมงแล้ว ที่ผ่านมากรมประมงร่วมกับพี่น้องชาวประมง ได้ดำเนินกิจกรรมที่มีจิตสำนึกรับผิดชอบในสิ่งแวดล้อมหลายโครงการ เช่น โครงการ “ขยะคืนฝั่ง ทะเลสวยด้วยมือเรา” โดยชาวประมงจะนำขยะในทะเล และขยะที่อยู่บนเรือ คืนกลับขึ้นมาบนฝั่ง โดยมีการจดบันทึกรายงานจำนวนขยะที่เก็บมาแต่ละครั้ง ซึ่งจากดำเนินกิจกรรมที่ผ่านมา สามารถนำขยะคืนฝั่งได้มากถึง จำนวน 191,968 กิโลกรัม โครงการทะเลปลอดอวน (Net Free Seas) ซึ่งเป็นความร่วมมือของชาวประมงกับกรมประมงและมูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (EJF) โดยการนำเศษอวนเอ็นจากเรือประมง กลับมารีไซเคิล แปรสภาพใช้ประโยชน์ และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน เพื่อช่วยแก้ปัญหาขยะที่เกิดจากเศษอวนประมง โดยปัจจุบันเศษขยะจากอวนสามารถแปรสภาพเป็นของใช้ต่างๆ เช่น ที่เปิดขวด ที่รองแก้ว พรมปูพื้น ฯลฯ และสามารถสร้างรายได้ให้ชาวประมง สามารถลดขยะที่เกิดจากเศษอวนได้มากถึง 14,000 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมี กิจกรรม “คืนชีวิตสู่ทะเล ปล่อยปูไข่นอกกระดองคืนธรรมชาติ” โดยชาวประมงร่วมกันปล่อยปูไข่นอกกระดองที่ติดอวนขึ้นมาคืนกลับสู่ทะเลเพื่อให้แพร่ขยายพันธุ์ต่อไป จากการดำเนินกิจกรรมที่ผ่านมา ชาวประมงได้มีการปล่อยปูไข่นอกกระดองคืนกลับสู่ทะเลได้แล้วกว่า 35,000 ตัว ซึ่งแม่ปู 1 ตัว สามารถออกไข่ได้สูงถึง 300,000–500,000 ฟอง ซึ่งสามารถเพิ่มประชากรปูได้อย่างมหาศาล ส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์และเกิดความยั่งยืนของทรัพยากรปูทะเลในน่านน้ำทะเลไทย ​"การดำเนินการต่างๆ ดังที่กล่าวมานี้ กรมประมงต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เสียสละ ปรับเปลี่ยนวิถีการทำประมง ภายใต้การมีส่วนร่วมกับทางภาครัฐในทุกมิติ หันมาร่วมมือร่วมใจช่วยกันดูแล และเป็นกำลังสำคัญในการรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมทางทะเลไทยให้กลับคืนความสมบูรณ์อย่างยั่งยืนอีกครั้ง"อธิบดีกรมประมง กล่าว