"อนุทิน-ศักดิ์สยาม"ประสานเสียงไม่คิดทิ้ง"บิ๊กตู่" ยันจะอยู่ร่วมรัฐบาลจนครบเทอม "จุรินทร์"เผยเห็นใจนายกฯ ทำงานหนักแบกทุกปัญหา ลั่น"ปชป."ไม่พูดมาก ย้ำทำงานใหญ่ต้องหนักแน่น
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ผอ.ศบค.) ตัดพ้อช่วงหนึ่งในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ถึงคำถามที่สื่อมวลชนส่งไปถาม โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ดูแต่ละคำถาม ถามแบบนี้จะให้ตอบอย่างไร ผมไม่ได้ทำงานคนเดียว เราทุกคนช่วยกันทำงาน ผมไม่คิดว่าเป็นเวลาของการเล่นการเมือง ถ้าท่านจะออกจากผมก็แล้วแต่ ผมก็จะทำงานของผมต่อไป ผมไม่ทิ้งคุณ พวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ" ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 21 ก.ค.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถึงกรณีดังกล่าวสั้นๆ ว่า "ไม่เคยคิดนะครับ และแน่นอนว่าพรรคภูมิใจไทยยังมั่นคง เหนียวแน่น อยู่ร่วมรัฐบาลยาวจนครบวาระ"
ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เคยคิดเรื่องที่จะทิ้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีมีข่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เปรยกับพรรคร่วมรัฐบาลในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า "จะทิ้งผมก็ตามใจ" ว่า ก็เห็นใจท่านนายกฯเพราะท่านทำงานหนักและต้องแบกรับทุกปัญหา ซึ่งท่านก็พูดแล้วว่าขอให้ทุกฝ่ายอดทน โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ว่าใครรวมทั้งตน จะทำงานใหญ่ก็ต้องหนักแน่น ไม่ซ้ำเติมวิกฤตและไม่โกง และขอบอกว่าพรรค ปชป. ไม่พูดมาก ตรงไปตรงมา มุ่งทำหน้าที่เต็มความสามารถ แม้ไม่ได้ทำเรื่องโควิดโดยตรง แต่เรื่องเศรษฐกิจส่วนหนึ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกษตรกรในเรื่องนโยบายประกันรายได้ภายใต้ วิสัยทัศน์ เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด หรือเรื่องการส่งออกที่ประสบความสำเร็จอย่างดีภายใต้วิกฤตโควิดของโลก และได้กลายเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในปัจจุบัน เช่น เดือนพฤษภาคมก็เป็นบวกถึง 41.59% และในเดือนมิถุนายนนี้ ก็คาดว่าจะเป็นบวกด้วยตัวเลขสองหลักอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันที่จะอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ได้เคยตอบเรื่องนี้ไปแล้วจึงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรอีก
วันเดียวกัน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย วิพากษ์วิจารณ์การบริหารสถานการณ์โควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมจี้ให้ยอมรับความจริงว่าล้มเหลว เละยิ่งกว่าโจ้กนั้น นายเสกสกลระบุว่า จะต้องยอมรับว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งทั่วโลกก็ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดียวกันหรือหนักกว่าไทยด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่นายกฯ เข้ามาบริหารประเทศได้แก้ไขปัญหาหลายอย่างรวมถึงปัญหาที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำเอาไว้ รวมถึงมีผลงานชัดเจนในการพัฒนาประเทศหลายๆ ด้าน ซึ่งนายเลิศศักดิ์ หรือพรรคเพื่อไทยก็เห็นอยู่แล้ว โครงการต่างๆ เกิดขึ้นมากมายพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องจนนับไม่ถ้วน ชี้แจงแล้วชี้แจงอีกคนในพรรคเพื่อไทยก็แกล้งทำเป็นหูหนวกตาบอดเสียเอง แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ส่วนการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาชน ได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่มาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มมีการระบาด ทั้งนี้ตั้งแต่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นนั้นก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วนายกฯ ทุกหน่วยงานทำงานเต็มที่ จัดหาโรงพยาบาลสนาม หากไม่เพียงพอให้แยกกักรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) สำหรับกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว มีอาหารส่งให้วันละ 3 มื้อ พร้อมแพทย์ติดตามอาการ ผ่านวิดีโอคอลล์ มีการลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อเชิงรุกในหลายจุด และ อย.ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนชุดตรวจโควิด-19 แบบแอนติเจน เทสต์ คิท (Antigen test kit: ATK) สำหรับประชาชนแล้ว
ขณะเดียวกันเพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลง นายกฯ ทีมแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาร่วมกันแล้วว่าการล็อกดาวน์นั้นจะทำให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลายลงได้ พร้อมกับหามาตรการต่างๆ มาเยียวยาให้กับประชาชน โดยที่ประชุม ครม.ได้ เห็นชอบมาตรการเยียวยาให้กับนายจ้าง ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ลูกจ้างแรงงาน มาตรา 33 ที่ตกงาน ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และ 40 แล้ว ซึ่งแม้จะล็อกดาวน์หรือไม่ล็อกดาวน์นั้น รัฐบาลได้มีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว
"พรรคเพื่อไทยควรหยุดออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์การบริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้แล้ว ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายออกมาพูดแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ทั้งที่เห็นอยู่แล้วว่าหลายภาคส่วนได้ทำงานอย่างหนักมากเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ ทุกคนเหนื่อยมาก แต่ทางกลับกันคนในพรรคเพื่อไทยเอาแต่สบาย วันๆ ไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมืองเลย มีแต่ออกมาพูดตำหนิคนทำงาน หวังทิ่มแทงทำลายเพื่อที่จะได้เข้ามามีอำนาจรัฐ อยากเป็นรัฐบาลมากเกินไปจนไม่ระงับยับยั้งความอยากมีอยากได้ แต่ตนก็ขอบอกว่าควรเข้ามาตามกระบวนการ แต่พฤติกรรมของคนในพรรรคเพื่อไทยแบบนี้ก็ไม่แน่ใจว่าประชาชนจะเลือกเข้ามาอีกหรือไม่ และขอบอกอีกว่านายกฯ ก็ยังจะอยู่แก้ไขปัญหาจนครบเทอม ไม่ลาออกหรือไม่ยุบสภาแน่ ส่วนที่บอกว่านายกฯ รัฐบาลเละซะยิ่งกว่าเละแล้วนั้น ขอให้ย้อนมองดูในพรรคเพื่อไทยด้วยว่าเละซะยิ่งกว่าเละหรือไม่ เพราะแกนนำลาออกจากพรรคกันแทบหมด แตกคอกันเละตุ้มเป๊ะ บริหารภายในพรรคภายในครอบครัวตัวเองไม่ได้ อย่ามาเที่ยวกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นเลย รู้จักอับอายขายขี้หน้าประชาชนบ้างเถอะ"นายเสกสกล กล่าว
ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กร อัยการ รัฐวิสาหกิจองค์การมหาชนและกองทุน กล่าวว่าจะทำหนังสือเพื่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่ให้บริการสาธารณูปโภคว่าในเดือนมิถุนายนถึงปัจจุบัน มียอดประชาชนใช้ค่าน้ำและค่าไฟเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ และให้การช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้มอย่างไร เพราะดูจากเดือนพฤษภาคมจนถึงปัจจุบัน ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ที่ผ่านมาท่านเหมือนลูกอีช่างสั่ง ให้ประชาชนงดเดินทาง แล้วให้ทำงานอยู่ที่บ้าน แต่หน่วยงานของรัฐกลับใจดำอำมหิต เพราะประชาชนต้องอดทนอยู่บ้าน มีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าใช้จ่ายสารพัด โดยค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคในกิจการของรัฐกลับดำเนินการทวงหนี้ ตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสารพัด ซึ่งงไม่มีน้ำใจช่วยคนไทยด้วยกันในการงดเก็บหรือแม้กระทั่งลดราคา หรือพักการชำระหนี้แม้แต่บาทเดียว
"วันนี้นายกฯ ต้องสั่งการให้หน่วยงานของรัฐ เช่น การประปา การไฟฟ้านครหลวง ภูมิภาค รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต การทางพิเศษ และอีกหลายหน่วยงานที่ยังเก็บเต็ม ไม่มีลดราคา ไม่มีพักค่าใช้จ่ายแม้แต่สลึงเดียว ถามจริงๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดใดใจดำอำมหิตขนาดนี้ ด่าประชาชน ผลักภาระให้ประชาชนทุกอย่าง ไม่มีน้ำใจ ในการแบ่งเบาภาระประชาชน ทุกอย่างเก็บเต็ม จ่ายช้าโดนเตือน โดนตัด ขอย้ำวาว่ารัฐบาลจะใจดำอำมหิตไปถึงไหน วันนี้ประชาชนจะตายกันหมดแล้ว ทั้งไม่มีรายได้ โดนไล่ออกจากงาน จนไม่มีจะกินแล้ว ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้และไม่สั่งการ ผมจะขอเชิญชวนประชาชนที่ได้รับผลกระทบช่วยกันเผาพริกเผาเกลือ" นายจิรายุ กล่าว