เชื่อหากสามารถลดยอดผู้ป่วยโควิดในพื้นที่กทม.กดลงต่ำกว่าพันราย/วัน จะส่งผลดีในแง่การจัดการทรัพยากรทางด้านสาธารณสุขและการแพทย์ รวมถึงเตียงที่จะรองรับไหว สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการที่ใช้ช่วง 14 วันมีประสิทธิผล 20 ก.ค.2564 กระทรวงสาธารณสุข นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงมาตรการด้านสาธารณสุขในช่วงเวลา 14 วัน ที่มีการยกระดับคุมเข้มโควิด โดยระบุว่า วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันในรอบ 4 วันที่ผ่านมา ที่มียอดผู้ป่วยรายใหม่เกิน 1 หมื่นราย และมียอดผู้เสียชีวิตค่อนข้างเยอะ โดยสถานการณ์ติดเชื้อมีความรุนแรงค่อนข้างมาก ทั้งในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล และต่างจังหวัดที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปรักษาโควิด ช่วง 2-3 สัปดาห์ และเกิดมีการระบาดต่อเนื่องกัน ในหลายจังหวัด ทั้งในครอบครัวและชุมชนใกล้บ้าน ที่เดินทางมาและไม่ได้กักตัว นับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องกำชับมาตรการด้านสาธารณสุขในช่วงเวลา 14 วัน ดังนี้ 1.ขอทุกคนงดออกจากบ้าน 2.อยู่บ้านป้องกันคนในบ้าน 3.สงสัยติดเชื้อ ลงทะเบียนตรวจ Antigent test kit 4.ติดเชื้อไม่มีอากาติดต่อทีมดูแล CCR 5.พาผู้สูงวัย และผู้มีโรคเรื้อรังไปรับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องออกจากบ้าน ตามความจำเป็น คือ 1. ซื้อหาอาหาร และเครื่องใช้จำเป็น 2. ซื้อยา ไปโรงพยาบาล หรือไปพบแพทย์ 3. ไปฉีดวัคซีนตามนัดหมาย 4. ไปปฏิบัติหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุข และ 5. ไปปฏิบัติหน้าที่จำเป็นต่อสาธารณะตามมาตรการที่กำหนด ทั้งนี้ต้องปฎิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ทั้งการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ พกเจลติดตัว ป้องกันตัวเองขณะเดินทาง ขณะทำงาน และงดรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น นพ.จักกรัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่ตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจ Antigen test kit แล้วผลเป็นบวก แต่ยังไม่มีอาการ ให้รับคำแนะนำผ่านสายด่วย 1330 ของสปสช. เพื่อเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้านและประเมินความเสี่ยงสมาชิกในบ้าน แต่หากพบว่ามีอาการรุนแรงขึ้นเชื้อลงปอดก็จะส่งตัวรักษาต่อไป อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่ายอดตัวเลขของผู้ติดเชื้อจะลดลง ภายใน 1-2 เดือน หากมาตรการได้ผล ส่วนตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อที่จะลดลงเท่าใด เพื่อให้เพียงพอต่อขีดความสามารถของทรัพยากรทางด้านสาธารณสุขและการแพทย์ รวมถึงเตียงที่จะรองรับไหว หากเป็นไปได้ อยากให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อกทม. ต่ำกว่าวันละ 1,000 ราย ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่น่าจะเหมาะสมในสถานการณ์ช่วงนี้ แต่หากต่ำกว่า 500 รายได้ ก็จะสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการมีประสิทธิผล