รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ช่วงหนึ่ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้เสนอแนวทางการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรต่อที่ประชุมว่า มีข้อมูลการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ที่รักษาได้ 5,045 คน เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 2,100 คน และเรือนจำกลางบางขวาง 5,231 คน จึงได้ไปศึกษาข้อมูลของฟ้าทะลายโจรเพิ่ม และทราบว่าในฟ้าทะลายโจรมีสารสกัด แอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยระบุว่าสามารถยับยั้งไวรัสได้โดยต้องใช้ประมาณ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ใช้ติดต่อกัน 5 วันจะรักษาโควิดได้ สารตัวนี้จะสกัดจากฟ้าทลายโจรในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ซึ่งในการปลูก 1 ไร่จะได้ประมาณ 600 กิโลกรัม สามารถสกัดได้ประมาณ 150 กิโลกรัม ทำยาได้ 375,000 แคปซูล หากเราจะใช้กับคนไทยทั้งประเทศ ต้องใช้ 3,150 ล้านแคปซูล หรือจะต้องปลูกประมาณ 8,400 ไร่ ในส่วนของการนำต้นมาบดหยาบ 600 กิโลกรัมจะได้ประมาณ 1,300,000 แคปซูล
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายสมศักดิ์ ได้รายงานต่อที่ประชุมว่าในส่วนของกรมราชทัณฑ์จะผลิตได้ประมาณ 50 ล้านแคปซูลภายใน 4 เดือน ใช้ได้กับ 50% ของผู้ต้องขังทั้งหมด และเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ได้หารือกับโรงงานผู้ผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร 9 บริษัท พวกเขาระบุว่าสามารถผลิตแคปซูลทั้งแบบสกัดและบดหยาบรวมแล้วประมาณ 45 ล้านเม็ดต่อเดือน ซึ่งยังมีอีกหลายโรงงานที่ตนยังไม่ได้ติดต่อไป การใช้ฟ้าทะลายโจรนั้น จะเป็นมาตรการเสริมในการรักษาโควิด ชะลอความกังวลของผู้รอวัคซีน สามารถส่งออกได้ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย โดยปัจจุบันมีราคากิโลกรัมละ 450 บาท ผลดีของการใช้ฟ้าทะลายโจร คือ การใช้กับกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อกินได้ทันทีโดยไม่ต้องรอผลตรวจ ใช้กับผู้ที่มีอาการคล้ายการติดเชื้อ และใช้กับผู้ที่ผลการตรวจเป็นบวกแต่ไม่แสดงอาการ ทั้งนี้ตนคิดว่ากระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ ตนคิดว่าสามารถดำเนินการเป็นมาตรการเสริมได้ นอกจากนี้คนเริ่มสนใจมากขึ้นจึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาไม่ให้แพงเกินไปด้วย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า เรื่องนี้เป็นข้อมูลที่ดี ขอให้กระทรวงยุติธรรมกับกระทรวงสาธารณสุขแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ และขอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาร่วมกันโดยให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข รับผิดชอบ รวมถึงการบูรณาการร่วมกับกระทรวงอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อวางยุทธศาสตร์แพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาข้อดีข้อเสียของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้ชัดเจนว่าต้องใช้อย่างไรมีอันตรายหรือไม่ และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนอย่างถูกต้อง ตนขอให้เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด