อีกไม่กี่วันก็จะถึงสิ้นปีแล้ว อยากชวนทุกคนมาทบทวนความจำเรื่องการเงินก่อนถึงสิ้นปี เพราะเรื่องเงินเป็นใหญ่ ถ้าจะให้ดีต้องเริ่มต้นวางแผนการเงินกันตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะฝากเงินเพื่อรับดอกเบี้ยสูง นำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน เตรียมการเพื่อลดหย่อนภาษีประจำปี แต่ทว่าเราหลงลืมปล่อยผ่านมาถึงปลายปีอย่างนี้ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ก็ต้องรีบหันมาทบทวนกันว่าก่อนสิ้นปีมีอะไรที่เราต้องจัดการกันบ้าง
3 ข้อคิดง่ายๆ ก่อนสิ้นปี ทบทวนตัวเอง-หาตัวช่วย-วางแผนใหม่ เริ่มต้นทบทวน โดยตรวจสอบฐานะการเงินของตัวเองก่อนเลยว่า ตอนนี้มีทรัพย์สิน เช่น มีเงินฝากเท่าไหร่ มีหนี้สินอยู่เท่าไหร่ มีเงินลงทุนในกองทุนอะไรบ้าง ซื้อประกันอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้ถ้าเราจัดทำบัญชีไว้ก็เอามาคำนวณได้ไม่ยาก ยิ่งถ้ามีการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายไว้ด้วยแล้ว จะช่วยให้เราเห็นพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองได้อย่างชัดเจนขึ้น ถ้ารายจ่ายประเภทใดสูงเกินไป หรือไม่มีความจำเป็นก็สามารถตัดออกได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้รู้ว่าถ้ารายได้ของเราน้อยเกินไป ไม่พอกับรายจ่าย ก็หาวิธีแก้ไข มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ ลดรายจ่าย และหารายได้เพิ่ม โดยปัจจุบันมีหลายอาชีพที่ทำเป็นอาชีพเสริมได้ เช่น ขายของผ่านออนไลน์ทำคอนเทนท์ต่างๆ หารายได้จากโลกออนไลน์ เป็นต้น
อีกอย่างที่ต้องทบทวนเลยคือ นิสัยการใช้เงิน โดยเฉพาะสิงห์นักช็อป ลองสำรวจในตู้ดูว่า เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องใช้ต่างๆ ที่ซื้อมาได้เอามาใช้บ้างมั๊ย หรือยังคงวางอยู่สภาพเดิมจนเราลืมไปหมดแล้ว เผลอๆ ซื้อซ้ำของเดิมแบบไม่รู้ตัว อาจแค่เปลี่ยนสีไปก็เป็นได้ หากเจออย่างนี้อย่าไปเสียดายนำไปแปรเปลี่ยนเป็นเงินด้วยการนำไปโพสต์ขายผ่านออนไลน์ เก็บเงินไว้ใช้จ่ายปลายปีกันเถอะ
อีกเรื่องที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราจะหลงลืมไปไม่ได้เลยก็คือการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น ควรสำรวจตัวช่วย ที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี เรื่องแรกที่ควรรู้ สำหรับการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2560 คือ เขามีการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ โดยมีการขยับเงินได้ขั้นต่ำขึ้นมาเป็น 120,000 บาทต่อปี จากฐานของผู้ที่ไม่ต้องจ่ายภาษีคือคนที่มีเงินเดือน 20,000 บาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 26,000 บาท พูดง่ายๆ คือ มนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือนไม่ถึง 26,000 บาท ไม่ต้องจ่ายภาษีนั่นเอง
ส่วนที่สองคือ ตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องจ่ายภาษี มาดูกันว่ามีตัวช่วยอะไรบ้างที่เราสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้บ้าง อย่างเช่น
- ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF แอลทีเอฟ) โดยซื้อได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น รวมแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF อาร์เอ็มเอฟ) เงื่อนไขคือซื้อได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
- ประกันชีวิต สำหรับเบี้ยประกันชีวิตที่ได้รับการลดหย่อน เดิมจะมีสองประเภท ได้แก่ เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป และเบี้ยประกันแบบบำนาญ แต่ล่าสุดกรมสรรพากรได้ประกาศให้สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติมอีกด้วย โดยหักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท แต่เมื่อรวมค่าเบี้ยลดหย่อนประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา อันนี้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท