"อนุทิน" ชง "ศบค." เคาะ จำกัดส่งออก แอสตร้าเซนเนก้า ไปต่างปท. หวังได้ 10 ล้านโดส ฉีดให้คนไทยก่อน สัปดาห์หน้าคุยทุกบริษัท จัดหาวัคซีน mRNA ด้าน โมเดอร์นาตอบรับแล้ว พร้อมสั่งซื้อไฟเซอร์อีก50ล้านโดส วันที่ 18 ก.ค.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าได้สั่งการ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เร่งจัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายนอกราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว เสนอให้ศบค. พิจารณาตัดสินใจ เพื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมของประเทศไทย รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่าได้สั่งการให้นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการอย.เชิญผู้แทนของบริษัทวัคซีน ที่ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศไทย ทุกราย เข้าพบในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือถึงแนวทางที่ประเทศไทย จะได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวัคซีน mRNA ที่ประชาชนต้องการ ซึ่งขณะนี้ผู้แทนของโมเดอร์นา ได้ตอบรับที่จะร่วมหารือกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข แล้ว รวมทั้ง ได้มีการยื่นข้อเสนอไปที่บริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย เพื่อสั่งซื้อวัคซีน เพิ่มขึ้นอีก 50 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมเพื่อหาแนวทางความร่วมมือกัน เร็วๆนี้ แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นชอบหลักการที่จะมีการกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายนอกราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราว ตามที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เสนอ และมอบให้สถาบันวัคซีนฯกับกรมควบคุมโรค จัดทำร่างประกาศ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการฯพิจารณา โดยให้คำนึงถึงผลกระทบ ผลประโยชน์ของประเทศไทย และประชาชนคนไทยเป็นสำคัญ ทั้งปัจจุบันและอนาคต ควบคู่กันไป ในที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีน และให้ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กับ อธิบดีกรมควบคุมโรค ไปเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน ให้ได้จำนวนวัคซีนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ระบาดของโรคในประเทศก่อน ซึ่งประเด็นนี้ นายอนุทิน เคยแจ้งเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการไปถึงแอซตราเซนเนกา แล้วว่า ประเทศไทย ต้องการวัคซีน เดือนละ 10ล้านโดส แหล่งข่าวกลาาวด้วยว่า นายอนุทิน ได้แจ้งให้ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนฯ ว่าเมื่อได้ผลการเจรจาอย่างไร ให้นำมารายงานในที่ประชุมกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อพิจารณาประกอบการจัดทำประกาศฯ ซึ่งคณะกรรมการ พร้อมจะประชุมทันทีที่ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์กับประชาชนคนไทย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับประเทศในอาเซียน ที่รอการจัดสรรวัคซีน ที่ผลิตในประเทศไทย ด้วย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเสนอศบค. พิจารณา อีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้มีการพิจารณาได้ครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งเชื่อว่า ศบค.จะยึดถือประโยชน์ของประเทศไทย เป็นหลัก