โจรแสบบุกฉกกระเป๋าเจ้าของร้านขายกุ้งต่อหน้าต่อตา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพพฤติกรรมชัดเจน ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์เร่งแกะรอยตามล่า คาดคนร้ายเป็นในพื้นที่
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 16 ก.ค.64 พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ สุริยะ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.เทวฤทธิ์ บูรณรักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ สั่งการให้ พ.ต.ท.สีหนาท จันทร์เหลือง สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์เข้าตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดและเก็บหลักฐานเพิ่มเติมภายในร้านขายกุ้งสดโฟกัส ตั้งอยู่ริมถนนกาฬสินธุ์-สมเด็จ บริเวณบ้านหามแหโพนทอง ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากมีคนร้ายเข้ามาขโมยกระเป๋าที่วางอยู่เก้าอี้ภายในร้านต่อหน้าต่อตาเจ้าของร้านและเพื่อนๆ ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายได้อย่างชัดเจน โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบชายสวมเสื้อแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้น สวมหมวกและหน้ากากปิดบังใบหน้าแอบย่องเข้ามาบริเวณผ้าคลุมที่หน้าร้าน ก่อนจะวิ่งเข้ามาอาศัยจังหวะที่เจ้าของร้านและเพื่อนๆ ซึ่งนั่งพูดคุยกันอยู่หลายคนหยิบกระเป๋า ซึ่งข้างในมีเงินสดอยู่ประมาณ 1,200 บาท และเอกสารต่างๆวิ่งไปขึ้นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซิตี้ สีบอร์น ด้านหน้าไม่มีกระบังลม ไม่ทราบทะเบียน ที่จอดไว้ริมถนนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยเจ้าของร้านและเพื่อนๆต่างพากันวิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่ทัน ทั้งนี้จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบรถเก๋งของคนร้ายขับวนไปเวียนมาตามจุดต่างๆในตัวเมืองกาฬสินธุ์ คาดว่าน่าจะเป็นการขับดูลาดเลาเพื่อเตรียมก่อเหตุ และน่าจะเป็นคนในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายแล้ว
จากการสอบถามนายอัษฎาวุธ พลโคกก่อง อายุ 34 ปี เจ้าของร้านกุ้งสดโฟกัส กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ตนได้ปิดร้านและนำผ้าคลุมปิดหน้าร้านไว้ ก่อนจะนั่งกินข้าวกับภรรยา และเพื่อนๆประมาณ 4-5 คน จากนั้นได้นั่งคุยกันอยู่ในร้าน ระหว่างนั้นมองเห็นชายคนดังกล่าวแอบย่อง และอาศัยจังหวะทุกคนเผลอวิ่งเข้ามาหยิบกระเป๋าข้างในมีเงินสดประมาณ 1,200 บาท และเอกสารต่างๆต่อหน้าต่อตาแล้ววิ่งไปขึ้นรถเก๋งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตนและเพื่อนต่างพากันวิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่ทัน แต่จำรูปพรรณและรถของคนร้ายได้ และคาดว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาก่อนแล้ว เพราะเห็นรถเก๋งที่คนร้ายใช้ได้เคยขับมาจอดที่หน้าร้าน 3-4 ครั้ง โดยหลังเกิดเหตุได้แจ้งความกับตำรวจแล้ว และอยากให้เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี เพราะไม่อยากให้ไปก่อเหตุกับใครอีก อย่างไรก็ตามอยากฝากเตือนภัยกับร้านค้าต่างๆและประชาชนด้วยให้ระมัดระวังเหตุการณ์แบบนี้ เพราะขนาดร้านตนปิดผ้าคลุมไว้ และนั่งอยู่ในร้านที่เป็นบ้านตนเองหลายคน ซึ่งคนร้ายยังกล้าก่อเหตุอีก