เมื่อเวลา 12.00 น.นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า ขอสนับสนุนรัฐบาลในการเจรจากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ให้จัดส่งวัคซีนให้ไทยตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลไทยแจ้งไว้ตั้งแต่แรก เพราะจากการตกลงล่วงหน้าระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ในการจองซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ารวม 61 ล้านโดส พร้อมกับส่งไทม์ไลน์การขอให้จัดส่งวัคซีนให้ไทยตั้งแต่แรก และทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าไม่ได้ตอบปฏิเสธแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าจำนวนมาก ซึ่งยิ่งทำให้ประเทศไทยมีความจำเป็นที่ต้องได้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าตามกำหนด ทั้งนี้ ตามข้อตกลงเดือน ก.ค.64 ไทยต้องได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 10 ล้านโดส ปรากฏว่าทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้ไทยได้ตามกำหนด ด้วยเหตุผลที่ต้องส่งออกไปให้ประเทศอื่นๆในอาเซียน “ผมจึงขอสนับสนุนให้รัฐบาลไทยเจรจากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อขอให้จัดส่งวัคซีนให้ไทยตามแผนงานเดิมที่กำหนดไว้ เพราะการเจรจาครั้งนี้รัฐบาลไทยเพียงแต่ขอให้บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจัดส่งวัคซีนให้ตามไทม์ไลน์ที่ได้ตกลงกันแล้วเท่านั้น ไทยไม่ได้ขอให้งดการส่งออกทั้งหมดแต่อย่างใด บริษัทแอสตร้าเซนเนก้ายังสามารถส่งวัคซีนจำนวนที่เหลือไปได้ตามปกติ ซึ่งการที่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ไม่ส่งมอบวัคซีนให้ไทยในภาวะวิกฤตที่มีการระบาดของเชื้อเดลต้ามาก ที่บังคับให้รัฐบาลไทยต้องใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าใแทน ซิโนแวค จึงมีความจำเป็นอย่างที่สุดที่ต้องขอให้ทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ส่งวัคซีนให้ไทยตามข้อตกลง เพราะการแจ้งเลื่อนการส่งวัคซีนฉุกละหุกแบบนี้ไทยไม่สามารถติดต่อสั่งซื้อวัคซีนอื่นมาแทนได้ทัน”นพ.ระวี กล่าว นพ.ระวี กล่าวต่อว่า มีบทเรียนจากประเทศอินเดีย ที่มีกำลังการผลิตวัคซีนถึง 200 ล้านโดสต่อเดือน และทุกบริษัทในอินเดียก็มีสัญญาส่งให้ภายในประเทศ และส่งออกภายนอกประเทศ เมื่อมีการระบาดโควิดสายพันธุ์เดลต้าอย่างรุนแรง รัฐบาลอินเดียตัดสินใจระงับการส่งออกว่าวัคซีนทั้งหมด 100% ต้องใช้ภายในประเทศเท่านั้น รัฐบาลอินเดียก็ได้ทำมาแล้ว โดยไม่สนใจประชาคมโลกที่จองวัคซีน และปัจจุบันนี้ที่การระบาดในอินเดียลดลงมาแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมให้มีการส่งออก รัฐบาลอินเดียตั้งเป้าต้องฉีดวัคซีนให้ชาวอินเดียให้ได้เป็น1,000 ล้านคน จึงจะยอมให้ส่งออกวัคซีนได้ “ในอดีตที่รัฐบาลไทยถูกเรียกร้องให้จัดซื้อวัคซีนต่างๆที่หลากหลาย มีคนโจมตีวัคซีนทั้งซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า แต่รัฐบาลไทยก็ตัดสินใจเลือกแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนหลัก 61 ล้านโดส และยืนยันมาจนถึงทุกวันนี้ พอในยามวิกฤตบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า กลับจะมาทิ้งประเทศไทยแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องการเจรจาด้วยเหตุด้วยผลระหว่างสองฝ่ายเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ที่รัฐบาลควรจะทำ สุดท้าย ถ้าการเจรจาแบบมีเหตุมีผลไม่ได้รับการตอบสนอง ผมสนับสนุนให้รัฐบาลไทยต้องเลือกดำเนินการตามกฏหมายที่มี เพื่อบังคับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าให้ดำเนินการตามที่ตกลงกันไว้ # THAILAND FIRST”นพ.ระวี กล่าว