ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์วันนี้(16 ก.ค.)ดัชนีภาคเช้าปิดที่ระดับ 1,574.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.05 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขายราว 44,384 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,575.60 จุด และระดับต่ำสุด 1,567.17 จุด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ ซึ่งตลาดฯได้รับแรงประคองจากหุ้นจำพวก Defensive อย่างหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในวันนี้ ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯปรับตัวลง และหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนก็ขึ้นมาดี รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลก็เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่ปรับตัวลงไปทั้งสัปดาห์ แต่ก็พยุงดัชนีฯได้ไม่มาก เนื่องจากตลาดฯได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดยหุ้น DELTA ซึ่งกดดันดัชนี SET ราว 7 จุด หลังจากที่ถูกใช้เกณฑ์ Cash Balance
ขณะที่ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน ซึ่งต่างก็อยู่ในช่วงของการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เช่นเดียวกับตลาดบ้านเรา ที่นอกจากจะรอดูการประกาศงบฯแล้ว ยังรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศด้วย ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศมักจะเร่งตัวขึ้นมา ทำให้คนไม่กล้าถือ Position ข้ามสัปดาห์ไป
ทั้งนี้สัปดาห์หน้าให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ต่อไป และตัวเลขส่งออกของไทยเดือนมิ.ย. รวมถึงติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ตลาดฯคงจะยังแกว่งแคบ แต่ก็ให้ระวังแรงขายในช่วงท้ายตลาดด้วย คาดว่าตลาดในยุโรปเปิดเทรดในช่วงบ่ายนี้จะบวกได้หลังจากที่ปรับตัวลงลึกวานนี้ พร้อมให้แนวรับ 1.560-1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ได้แก่ GPSC มูลค่าการซื้อขาย 4,026.08 ล้านบาท ปิดที่ 81.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท,GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 3,280.23 ล้านบาท ปิดที่ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.29 บาท,BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,491.43 ล้านบาท ปิดที่ 14.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท,ACE มูลค่าการซื้อขาย 1,228.39 ล้านบาท ปิดที่ 4.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท,KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,053.14 ล้านบาท ปิดที่ 115.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท