วันที่ 14 ก.ค.64 น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐมีแนวคิดฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิด เข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตราเซเนกา ว่าหากรัฐตัดสินใจใช้วิธีการนี้ ถ้ามีผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับประชาชนรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะประชาชนไม่ใช่หนูทดลองของพวกท่าน และหากรัฐปรับการฉีดตามวิธีการนี้ เท่ากับว่ารัฐบาลยอมว่า วัคซีนซิโนแวค ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะป้องกันเชื้อโควิด 19 ได้ แต่รัฐบาลไม่ระงับการสั่งซื้อ กลับเพิ่มจำนวนวัคซีนดังกล่าวทำให้ประเทศต้องสูญเงินไปอีกกว่า 6 พันล้านบาท
ส่วนกรณีที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้ประชาชนใช้ชุดตรวจคัดกรองโควิดด้วยตนเอง( Rapid Antigen Test ) ว่า ถือเป็นข่าวดีบนข่าวร้ายของประชาชนที่จะสามารถเข้าถึงชุดตรวจได้ แต่ปัจจุบันราคาขายปลีกชุดตรวจดังกล่าวในท้องตลาดสูงมากเกือบชุดละ 500 บาท ซึ่งประชาชนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากซึ่งไม่มีเงินแม้จะประทังชีวิตคงไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงอยากให้ ศบค. นำงบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ ในส่วนของการใช้จ่ายเพื่ออุปกรณ์การแพทย์ มาจัดซื้อชุดตรวจโควิดด้วยตนเองและส่งให้ประชาชนถึงบ้าน โดยใช้ระบบการส่งไปรษณีย์ของไทยที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ จะช่วยลดความเสี่ยงรับเชื้อจากการต่อคิวเพื่อเข้ารับการตรวจเชื้อตามภาพที่ปรากฎในสื่ออย่างที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้
"หากรัฐจะอนุญาตให้เอกชนขาย Rapid antigen test ในเชิงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ควรใช้กลไกของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ออกประกาศกำหนดเพดานราคาจำหน่ายชุดตรวจเชื้อด้วยตัวเองอย่างเร่งด่วนและให้มีผลทันที หรือลดภาษีการนำเข้าชุดตรวจเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่ายได้ในราคาที่เป็นธรรม เอื้อต่อการตรวจหาเชื้อที่ครอบคลุมมากที่สุด โดยอย่าปล่อยให้มีใครฉกฉวยโอกาสนี้หากินบนความเดือดร้อน บนความเป็นความตายของพี่น้องประชาชน อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นในยุคพลเอกประยุทธ์ วัคซีนถูกตั้งคำถาม ชุดตรวจฟรีเข้าถึงยาก อย่าให้วิกฤตครั้งนี้กลายเป็นโอกาสของการทำนาบนหลังคน สงสารประชาชนเถอะค่ะ " น.ส.อรุณีกล่าว