วันที่ 12 ก.ค.64 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผ่าน "รายการอินไซด์รัฐสภา" ว่า คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นัดหารือร่วมกันวันนี้ (12 ก.ค. ) เพื่อหารือถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยจะกำหนดประเด็นตัวรัฐมนตรีที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงกำหนดประเด็นด้วย และทางพรรคเพื่อไทย จะนัดหารือต่อมติของวิปฝ่ายค้าน วันที่ 13 ก.ค. อย่างไรก็ดีตนยอมรับว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 มีผู้ท้วงติงว่าไม่เหมาะสม แต่ตนมองว่า หากไม่แก้ปัญหาจะทำให้กลายเป็นปัญหาสะสมทวีคูณ ดังนั้นอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาล เพราะขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กักตัวเอง 14 วัน ไม่มีอะไรแตกต่าง เพราะมีปลัดกระทรวงสามารถบริหารได้อย่างคล่องตัวและเร็วกว่า “ผมขอดูถูกนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบริหาร หากบริหารแล้วเป็นแบบนี้ให้ปลัดกระทรวงบริหารงานยังเก่งกว่า ผมมองว่าหากสามารถเปลี่ยนตัวผู้นำได้ ภายใน 1-2 เดือน จะสร้างความเชื่อมั่น ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ ขณะนี้ผมเชื่อว่าคนไทยกว่า 50 ล้านคนเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ และไม่ไว้วางใจให้บริหารต่อ เพราะจะพาคนไปตาย ทำประเทศล่มจม ทำลายระบบสาธารณสุข ไม่มีหวัง ขาดที่พึ่ง ดังนั้นเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล” นพ.ชลน่าน กล่าว นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมและรัฐมนตรี ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน ตนมองว่า เพื่อต้องการให้เกิดความเชื่อมั่นและทำให้คนร่วมต่อสู้กับโควิด ผ่านการบริจาคเงินให้รัฐบาล แต่ตนเชื่อว่าคนที่จะบริจาคเงินให้รัฐ คิดแล้วคิดอีกว่า คุ้มหรือไม่ หากไม่บริจาคผ่านรัฐ จะเกิดประโยชน์มากกว่าหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลทำนั้น ไม่มีผลทางจิตวิทยาใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีเงินเพื่อสู้โควิด-19 จากงบกลาง ปี 2564 กว่า 4 หมื่นล้านบาท, จากเงินกู้ตามพ.ร.ก.กู้เงิน วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท และจากเงินกู้ตามพ.ร.ก.ฉบับล่าสุด 5 แสนล้านบาท ถือว่ามีเงินมากพอ แต่ใช้ไม่เป็น