พระราชดำรัส-พระบรมราโชวาทเรื่องคุณธรรมจริยธรรม (1) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นับแต่ทรงพระเยาว์ เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติตราบจนเสด็จสวรรคตได้ทรงศึกษาหลักธรรมทางศาสนาเฉพาะอย่างยิ่งหลักธรรมในพระพุทธศาสนาและทรงนำเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินพระองค์ทรงนำเป็นหลักในการครองแผ่นดิน ทรงดำเนินพระองค์ตามหลักธรรมอย่างเคร่งครัดในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขแก่ราษฎรเป็นที่ประจักษ์และพระราชทานหลักคุณธรรมจริยธรรมนั้นแก่ราษฎรในหลายวาระโอกาส เป็นรูปธรรมต่อเนื่องด้วยทรงมุ่งหวังให้ประชาชนคนไทยปลูกฝังหล่อหลอมคุณธรรมจริยธรรมทางศาสนา ที่ได้พระราชทานนั้นในการดำเนินชีวิตประจำวันเพื่อความสุขสงบของตนเองและสังคม เพื่อความเจริญผาสุกแก่ชีวิตตนเองและประเทศชาติด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น คนไทยทั้งประเทศจึงควรบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง สังคม และประเทศชาติ ด้วยความสำนึกแห่งการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้งเพื่อถวายการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทิตาถวายเป็นพระราชกุศลดั่งที่ทรงตั้งพระราชปณิธานสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ดังพระปฐมบรมราชโองการที่ทรงกระทำสัตย์ปฏิญาณในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 9แห่งราชวงศ์จักรีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระปฐมบรมราชโองการแสดงพระบรมราชปณิธาน ท่ามกลางมหาสมาคม ความว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติตราบจนเสด็จสู่สวรรคาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงครองแผ่นดินโดยทรงใช้หลักธรรมนำทาง ทรงปฏิบัติตามทศพิศราชธรรม ทรงดำเนินพระองค์ตามพระบรมราชปณิธานในพระปฐมบรมราชโองการอย่างจริงจังเอาพระราชหฤทัยใส่ทุกประการ ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมดังเป็นที่ประจักษ์เช่น คุณธรรมสี่ประการ ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เนื่องในพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 2๐๐ ปี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชดำรัส ความตอนหนึ่งว่า “...นอกจากต้องอาศัยการบริหารประเทศที่ฉลาดสามารถและสุจริตเป็นธรรมแล้ว ยังต้องอาศัยความร่วมมือสนับสนุนจากประชาชนทั้งประเทศด้วย คือ ประชาชนแต่ละคนจะต้องขวนขวายสร้างสรรค์ประโยชน์และดำรงอยู่ในคุณธรรมอันสมควรแก่ฐานะของตนๆ คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษา และน้อมนำมาปฏิบัติมีอยู่สี่ประการ ประการแรกคือการรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติในความสัจ ความดีนั้น ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้นและอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริตไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด ประการที่สี่ คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริตและรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง คุณธรรมสี่ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็นและมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์…” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเน้นย้ำคุณธรรมจริยธรรมที่พึงปลูกความดีงามเจริญงอกงามในสังคม ในการบริหารสังคมประเทศชาติ ในหมู่ประชาชนโดยการส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง ในพิธีเปิดงานชุมชนลูกเสือแห่งชาติ ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับการส่งเสริมคนดี ความตอนหนึ่งว่า “...ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...” (อ่านต่อ)