เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์หลังร่วมประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ผ่านระบบออนไลน์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือกันในหลายเรื่อง พิจารณามาตรการต่างๆ รวมถึงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีความชัดเจนว่า หลักการปิดกั้นการเคลื่อนที่ ล็อกดาวน์ให้ประชาชนอยู่กับบ้านป้องกันการระบาดของเชื้อ จะใช้ชีวิตนอกบ้านได้เท่าที่จำเป็น เช่น หาหมอ ซื้ออาหาร ฉีดวัคซีนโควิด-19
“การพิจารณาแต่ละเรื่องมีหลักการใหญ่ แต่จะมีข้อยกเว้น ส่วนการห้ามเคลื่อนย้ายออก 10 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 7 จังหวัด และจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 3 จังหวัด ที่ห้ามออกนอกพื้นที่จังหวัด แต่ผู้ที่มีความจำเป็น ขึ้นอยู่กับประกาศจากผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้มีความชัดเจนว่า เช่น หากจะเดินทางจากพระนครศรีอยุธยามากรุงเทพฯ จะมาได้หรือไม่ หรือคนกรุงเทพฯ จะไปนครราชสีมา จะต้องปฏิบัติอย่างไร ต้องขออนุญาตอย่างไร ซึ่งจะให้เวลาผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัดไปออกประกาศ ส่วนการปิดกิจกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่จะปิด เปิดเฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา และร้านอาหารก็ให้ซื้อกลับบ้าน ร้านนวดปิดทั้งหมด ส่วนรถสาธารณะ ลดการเคลื่อนย้าย ก็จะลดเวลาให้บริการ ปิดประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ถึงตี 5”
ทั้งหมดนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 ก.ค. แต่ในวันนี้ (10 ก.ค.) จะมีการปิดกั้นการเคลื่อนย้ายผู้คน หรือลดการออกจากบ้าน จะมีรถสายด่วนตรวจเฉพาะกิจพิเศษ จากฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร เพื่อซ้อมและให้ประชาชนเตรียมตัวในการไม่ออกจากบ้าน และจะมีการใช้กฎหมายในทุกมาตรการอย่างเค่รงครัด โดยจะมีการประเมิน 14 วัน ซึ่งในช่วงนี้จำนวนผู้ติดเชื้อก็อาจยังไม่ลด เพราะเหมือนเป็นภูเขาน้ำแข็ง ก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ซึ่งจะมีการพิจารณากันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใช้คำว่าล็อกดาวน์หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ส่วนตัวมาตรการที่ออกมาเรียกว่า “ล็อกดาวน์” แต่จะมีรายละเอียดต่างๆ ให้ติดตามจาก ศบค.แถลงข่าว โดยกรมควบคุมโรคจะมีมาตรการต่างๆ ออกมา เมื่อถามต่อว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ.จะสละเงินเดือนหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ตนขอทบทวนก่อน
ทั้งนี้ จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา นราธิวาส ปัตตานี และยะลา