วันที่ 9 ก.ค.64 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 38/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และห้องประชุม 1 ชั้น 2 กรมราชทัณฑ์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เผย ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน พบรักษาหายแล้ว 95% เน้นย้ำมาตรการป้องกันเชื้อเข้มข้น
นายวัลลภ เปิดเผยว่า สถิติผู้ติดเชื้อของกรมราชทัณฑ์ สถานะของเรือนจำสีแดงและสีขาวยังคงที่ มีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาด 122 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 11 แห่ง โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการตรวจ SWAB ตามรอบ แต่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาหายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมหายสะสม 35,449 ราย หรือ 95% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด มีผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรักษารวม 1,523 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 59.9% สีเหลือง 39.4% และสีแดง 0.7% ผู้เสียชีวิตสะสม 46 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด ซึ่งพบว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะประธานการประชุม ได้เน้นย้ำการป้องกันเชื้อที่ยังคงต้องรักษามาตรการอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อภายนอกที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การป้องกัน เฝ้าระวัง และรักษาผู้ติดเชื้อต้องมีความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จะต้องมีวินัยในการปฏิบัติงานและการป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะในขณะปฏิบัติหน้าที่หรือภายนอกเรือนจำและทัณฑสถาน เพราะอาจกลายเป็นพาหะในการนำเชื้อเข้าสู่ภายในได้ โดยเรือนจำสีขาวที่ยังไม่พบการระบาด จะต้องเตรียมแผนและดูแลมาตรฐานทุกด้านให้พร้อม โดยเฉพาะการระบาดของเชื้อต่อจากนี้ คาดว่าจะมีการพัฒนาสายพันธุ์ที่กระจายเชื้อรวดเร็ว มีระยะฟักตัวที่นาน และมีความรุนแรงของโรคที่มากกว่าเดิม เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงต้องเข้าใจและรู้เท่าทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งเข้าใจหลักระบาดวิทยาของโรค ซึ่งจะทำให้สามารถป้องกันและเฝ้าระวังได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 4 ราย โดยทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่จากศูนย์ฝึกและอบรมฯ จังหวัดสมุทรปราการ 2 ราย และศูนย์ฝึกและอบรมฯ บ้านกรุณา 2 ราย ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่ใกล้ชิดทำการตรวจหาเชื้อแล้ว ซึ่งผลการตรวจเป็นลบทั้งหมด พร้อมสั่งกักตัวบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อเฝ้าระวังและสังเกตอาการและจะทำการตรวจซ้ำอีกครั้งเพื่อหาเชื้อต่อไป
ด้านสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีสถานะรวม 41 แห่ง คิดเป็น 73% จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 15 แห่งนั้น อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 7 แห่ง หมดสถานะ 1 แห่ง และติดเชื้อ 7 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน รวมทั้งสิ้น 111 ราย หรือคิดเป็น 2.5% จากทั้งหมด 4,367 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,467 ราย หรือคิดเป็น 78.6% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4,409 ราย
ทั้งนี้ กรมพินิจฯ ได้กำชับและติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดทุกแห่งอย่างใกล้ชิด โดยได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกรมที่ดูแลในเขตพื้นที่จังหวัดต่างๆ ให้เข้มงวดกวดขันและสร้างความเข้าใจในการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะหน่วยงานที่อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพื้นที่จังหวัดสีแดง และกำชับเจ้าหน้าที่ทุกคนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้งดเว้นการเดินทางออกนอกพื้นที่เพื่อลดความเสี่ยง
เน้นย้ำให้หัวหน้าส่วนทุกหน่วยสร้างความเข้าใจสื่อและสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนในเรื่องของมาตรการต่างๆ ที่กระทรวงและกรมกำหนด รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจและจัดสวัสดิการแก่เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งให้ 3 หน่วยงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ สถานพินิจฯ จังหวัดสมุทรปราการ ศูนย์ฝึกและอบรมฯ จังหวัดสมุทรปราการ และศูนย์ฝึกและอบรมฯ บ้านกรุณา ประสานความร่วมมือและทำงานร่วมกันในการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ รวมถึงบริหารจัดการกิจกรรมภายในต่างๆ แก่เด็กและเยาวชนให้เหมาะสม โดยกรมจะสนับสนุนทรัพยากรทุกอย่างหากขาดเหลือ พร้อมทั้งให้รายงานอาการของผู้ป่วยให้ทราบเป็นระยะ พร้อมทั้งให้จัดทำแผนปรับพื้นที่ในสถานที่ควบคุมเป็นคลังสมุนไพร ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มีแนวทางให้ส่งเสริม พัฒนา และฝึกอาชีพแก่ผู้ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในด้านการเพาะปลูกพืชสมุนไพรที่จะสามารถช่วยต้าน ยับยั้ง และบรรเทาอาการเจ็บป่วยของโรคโควิด-19 ได้ เพื่อให้เด็ก เยาวชน และเจ้าหน้าที่ได้นำมาใช้และต่อยอดอาชีพภายหลังปล่อยตัวในอนาคตได้อีกทางหนึ่ง