ตร.ภ.4 ยึดรถผิดกฎหมาย 13 คัน รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ส่งคืนเจ้าของ พร้อมเร่งขยายผลจับกมผู้ร่วมขบวนการหลังพบมีการปลอมแปลงเอกสารและเปิดอู่ซ่อมรถดัดแปลงสภาพก่อนส่งจำหน่ายแบบครบวงจร
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ รักษาการ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย ชุดปฏิบัติการปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (ศปจร.ภ.4) แถลงข่าวผลการตรวจยึดรถยนต์ผิดกฎหมาย รวม 13 คัน เป็นรถยนต์กระบะ 6 คัน รถยนต์เก๋ง 7 คัน หลังถูกเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศปจร.ภ.4 ตรวจยึดมาได้ โดยแยกเป็นคดีลักทรัพย์ 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ สีดำ หมายเลขทะเบียน 2กว-1585 กทม. แจ้งความหายที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี,รถยนต์เก๋ง โตโยต้า วีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน สน-5226 กทม. แจ้ความหายไว้ที่ สน.โคกคราม คดี ยักยอกทรัพย์ 1 คัน ประกอบด้วยรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า บิโอ้ อาเมท สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กศ-7329 กทม.แจ้งความยักยอกทรัพย์ ที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และทำการตรวจยึดรถยนต์สวมทะเบียน อีก 10 คัน ประกอบด้วย รถยนต์เก๋งฮอนด้า ฟีด สีเทา หมายเลขทะเบียน ฆบ-8179 กทม.,รถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริส หมายเลขทะเบียน ฆฆ-6279 กทม., รถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎอ-3706 กทม.,รถยนต์เก๋งมาด้า 2 สีขาว หมายเลขทะเบียน ญบ-3622 กทม.,รถยนต์กระบะโตโยต้า รีโว่ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1ฒบ-1343 กทม.,รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมค หมายเลขทะเบียน ธม-3872 กทม.,รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมค สีเทา หมายเลขทะเบียน ถน-7463 กทม.,รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไททัน หมายเลขทะเบียน ฌฟ-2538 กทม.,รถยนต์กระบะมิตซูบิชิไทรทัน สีดำ หมายเลขทะเบียน สร-2309 กทม.และรถยนต์กระบะ ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ชฮ-8991 กทม. ซึ่งทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดกลับคืนมาได้จากพื้นที่ 12 จังหวัดภาคอีสานตอนบน
โดย พล.ต.ต.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ รักษาการ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ในวันนี้ได้มีการส่งมอบรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม,ยักยอกทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร ส่งให้กับเจ้าของที่แท้จริงจำนวน 3 คดี หลังจากมีการประสานและนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในจำนวนนี้ มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ,เจ้าของร้านอาหารและบริษัทประกัน ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านอกจากคนร้ายที่โจรกรรมรถยนต์มาจากพื้นที่จังหวัดต่างๆ ก่อนจะมาดัดแปลงสภาพและจำหน่ายแล้ว ยังคงมีบางส่วนที่เป็นกลุ่มรถที่หลบหนีไฟแนนช์ ที่มีการนำมาดัดแปลงสภาพและจำหน่ายในราคาถูก
“รถที่ถูกขโมยมา ได้มีเจ้าขอมาติดต่อขอรับคืนแล้ว รวมทั้งรถที่ถูกยักยอกทรัพย์ ขณะที่รถที่ปลอมแปลงเอกสารและสวมทะเบียนนั้น ทั้งหมดเป็นรถที่หลบหนีไฟแนนช์ และนำมาดัดแปลงสภาพ โดยมีอู่ซ่อมรถหลายแห่งในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคอีสานรับทำหน้าที่ดัดแปลงสภาพ ตั้งแต่ป้ายทะเบียน ตัวเลขคัทซี รวมไปถึงเอกสารหลักฐานต่างๆ ก่อนนำมาประกาศขายในเฟชบุ๊ก ไลน์และเวปไซต์ ในราคาที่ถูกว่าความเป็นจริง บางคันจำหน่ายคันละไม่ถึง 200,000 บาท จนมีคนหลงเชื่อซื้อรถไปใช้โดยไม่ตรวจสอบเอกสารใดๆ”
พล.ต.ต.สุรชัย กล่าวต่ออีกว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปจร.ภ.4 เดินหน้าตรวจสอบผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว โดยเฉพาะร้านซ่อมรถที่ทำหน้าที่ดัดแปลงสภาพรถและปอมแปลงเอกสาร ที่มีการดำเนินการแบบครบวงจรเพื่อปราบปรามขบวนการโจรกรรมรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ให้สิ้นซากต่อไป
โดย พล.ต.ต.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ รักษาการ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ในวันนี้ได้มีการส่งมอบรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม,ยักยอกทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร ส่งให้กับเจ้าของที่แท้จริงจำนวน 3 คดี หลังจากมีการประสานและนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในจำนวนนี้ มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ,เจ้าของร้านอาหารและบริษัทประกัน ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านอกจากคนร้ายที่โจรกรรมรถยนต์มาจากพื้นที่จังหวัดต่างๆ ก่อนจะมาดัดแปลงสภาพและจำหน่ายแล้ว ยังคงมีบางส่วนที่เป็นกลุ่มรถที่หลบหนีไฟแนนช์ ที่มีการนำมาดัดแปลงสภาพและจำหน่ายในราคาถูก
“รถที่ถูกขโมยมา ได้มีเจ้าขอมาติดต่อขอรับคืนแล้ว รวมทั้งรถที่ถูกยักยอกทรัพย์ ขณะที่รถที่ปลอมแปลงเอกสารและสวมทะเบียนนั้น ทั้งหมดเป็นรถที่หลบหนีไฟแนนช์ และนำมาดัดแปลงสภาพ โดยมีอู่ซ่อมรถหลายแห่งในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคอีสานรับทำหน้าที่ดัดแปลงสภาพ ตั้งแต่ป้ายทะเบียน ตัวเลขคัทซี รวมไปถึงเอกสารหลักฐานต่างๆ ก่อนนำมาประกาศขายในเฟชบุ๊ก ไลน์และเวปไซต์ ในราคาที่ถูกว่าความเป็นจริง บางคันจำหน่ายคันละไม่ถึง 200,000 บาท จนมีคนหลงเชื่อซื้อรถไปใช้โดยไม่ตรวจสอบเอกสารใดๆ”
พล.ต.ต.สุรชัย กล่าวต่ออีกว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปจร.ภ.4 เดินหน้าตรวจสอบผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว โดยเฉพาะร้านซ่อมรถที่ทำหน้าที่ดัดแปลงสภาพรถและปอมแปลงเอกสาร ที่มีการดำเนินการแบบครบวงจรเพื่อปราบปรามขบวนการโจรกรรมรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ให้สิ้นซากต่อไป