เครือเบทาโกร พร้อมเดินหน้าส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่แช่เย็นแบรนด์เอสเพียวสู่ตลาดสิงคโปร์ เป็นรายแรกของไทย ชูจุดแข็งผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดกระบวนการผลิต (RWA) รับรองโดย NSF เป็นรายแรกของโลก และนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมกระบวนการผลิตสินค้าปศุสัตว์เพื่อการส่งออก ได้ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและปศุสัตว์อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาและสร้างความมั่นใจในคุณภาพมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ของไทยสู่มาตรฐานระดับสากล โดยปัจจุบัน ภาพรวมตลาดส่งออกสินค้าเนื้อสัตว์ปีกของประเทศไทย ในปี 2563 ที่ผ่านมา มีปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปีก ปริมาณ 946,866 ตัน คิดเป็นมูลค่า 110,260 ล้านบาท โดยสัดส่วน 41% เป็นการส่งออกสินค้าเนื้อไก่ดิบแช่แข็งหรือแช่เย็น ซึ่งมีตลาดหลัก ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพยุโรป รวมถึงประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้กรมปศุสัตว์ได้ประสานงานกับสำนักงานอาหารแห่งสิงคโปร์ (Singapore Food Agency หรือ SFA) อย่างใกล้ชิด เพื่อขยายขอบข่ายการส่งออกสินค้าเนื้อไก่สดแช่เย็น ซึ่งทางการสิงคโปร์เชื่อมั่นกรมปศุสัตว์ในการกำกับดูแลการผลิต จึงได้ให้การรับรองโรงงานผลิตเนื้อไก่ของไทย เพื่อผลิตและส่งออกสินค้าเนื้อไก่สดแช่เย็นไปประเทศสิงคโปร์ คาดว่าปีนี้ จะส่งออกเนื้อไก่สดแช่เย็นไปสิงคโปร์ได้ไม่น้อยกว่า 1,000 ตัน คิดเป็น มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเครือเบทาโกรนับเป็นรายแรกที่เริ่มส่งออกเนื้อไก่แช่เย็นไปสิงคโปร์ นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร กล่าวว่า สิงคโปร์นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และมีมาตรฐานการนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่เข้มงวดทั้งในด้านความปลอดภัยและคุณภาพของสินค้า จากการเปิดตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สดแช่เย็นไปสิงคโปร์ได้สำเร็จครั้งนี้ เครือเบทาโกร ในฐานะผู้ประกอบการรายแรกของไทยที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สดแช่เย็นไปตลาดสิงคโปร์ ต้องขอขอบคุณความร่วมมือจากภาครัฐ ภายใต้การนำของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ร่วมกับภาครัฐของสิงคโปร์ อาทิ Enterprise Singapore (ESG), Singapore Food Agency (SFA) และภาคเอกชนของไทย ที่ร่วมสนับสนุนและผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของผลิตภัณฑ์อาหารในตลาดโลก โดยการเปิดตลาดสิงคโปร์ในครั้งนี้ เครือเบทาโกร เชื่อว่านี่คืออีกก้าวสำคัญของการขยายฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยม แบรนด์เอสเพียวสู่ตลาดต่างประเทศ และจะประสบความสำเร็จในตลาดสิงคโปร์ เช่นเดียวกับที่แบรนด์เอสเพียวได้ประสบความสำเร็จมาแล้วในตลาดฮ่องกง โดยวางกลยุทธ์มุ่งการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่ห้างสรรพสินค้าหลักอื่นๆต่อไป รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในตลาดสิงคโปร์ในอนาคต นายเควิน ฉ็อก เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “รู้สึกยินดีที่เครือเบทาโกรได้เป็นผู้นำเข้าเนื้อไก่แช่เย็นรายแรกของประเทศไทยสู่สิงคโปร์ ซึ่งเครือเบทาโกรได้มีการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับกรมปศุสัตว์ และสำนักงานอาหารแห่งสิงคโปร์ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์เป็นไปตามข้อกำหนดการนำเข้าของสิงคโปร์ โดยเครือเบทาโกรได้ทำงานร่วมกับ Enterprise Singapore (ESG) ในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้บริโภคชาวสิงคโปร์มีทางเลือกมากขึ้นในการรับประทานอาหารโปรตีนคุณภาพ ปัจจุบัน ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารที่ประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก สิงคโปร์พร้อมที่จะทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทย เพื่อสร้างโอกาสในการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งร่วมพัฒนาโอกาสทางธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้นคว้านวัตกรรมด้านอาหาร การวิจัยและพัฒนา เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการภาคเกษตรอุตสาหกรรมของไทยในเชิงลึกต่อไป”