วันที่ 6 ก.ค.64 เมื่อเวลา 14.00 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นที่เหตุโรงงานไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว (บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล) จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามตรวจความเสียหาย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ว่า ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมี บริษัทหมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ที่มูลนิธิร่วมกตัญญู สมุทรปราการ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 100 หลัง ผู้บาดเจ็บ 40 ราย ผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นเจ้าหน้าที่ ในส่วนเรื่องความเสียหายของโรงงานหรือโครงสร้างอาคาร ต้องรอทางจังหวัดสมุทรปราการประชุมสรุปผลอีกครั้ง ขณะนี้เพลิงสงบแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังการปะทุของไฟอย่างต่อเนื่อง นายนิพนธ์ กล่าวว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะเร่งด่วน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่ ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ กระทรวงมหาดไทย มีหลักเกณฑ์การช่วยเหลืออยู่แล้ว เมื่อจังหวัดได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน จังหวัดก็สามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด วงเงิน 20 ล้านบาท ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของผู้ประสบภัย หากงบไม่พอสามารถขยายต่อได้ครั้งละ 20 ล้านบาท “การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด ต้องเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วย ทางภาครัฐก็มีหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือด้วยและต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการดับเพลิงครั้งนี้ ตั้งแต่อาสาสมัคร พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัย ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย “ นายนิพนธ์กล่าว จากนั้นได้เดินทางไปยังจุดอพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ ที่ วัดบางพลีใหญ่ใน ซึ่งมีประชาชนพักอาศัยอยู่กว่า 300 คน โดยได้ร่วมมอบของบรรเทาทุกข์ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยนำน้ำดื่ม เจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย มอบความช่วยเหลือเบื้องต้นไปสมทบช่วยประชาชน เพื่อมอบให้กับหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่บริหารจัดการกระจายตามจุดต่างๆตามความเหมาะสมต่อไป