พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสในโซเชียลมีเดีย ปลุกระดมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารออกมาเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติ โดยอ้างอารยะขัดขืน โดยระบุว่า การโพสต์ปลุกระดมดังกล่าวเป็นเหมือนการหลอกให้ร้านอาหารที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่แล้ว มาตุนอาหารและวัตถุดิบเพื่อเปิดร้านให้บริการ แต่กลับขายไม่ได้และถูกตำรวจจับกุม หรือกระทบกระทั่งกับตำรวจ เป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการอย่างหนัก
อีกทั้งการประกาศชักชวนดังกล่าวโดนอ้างว่ามีผู้ประกอบการร่วมอารยขัดขืนกว่า 200 ร้านนั้น แต่ความเป็นจริงมีเพียงหลัก 10 ร้านเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังรักและเข้าใจถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ พร้อมย้ำว่าการออกมาเปิดร้านในช่วงนี้ โดยเฉพะในลักษณะมั่วสุม แสดงดนตรี ปิดถนน ย่อมถูกตำรวจจับกุมแน่นอน
ส่วนผู้ประกอบการบางรายที่คิดว่าจะเปิดร้าน แต่ยังคงมาตรการตั้งโต๊ะเว้นระยะห่างนั้น ก็ยืนยันว่าต้องปฏิบัติตามระเบียบคำสั่งของกรุงเทพมหานครอย่างเคร่งครัด ซึ่งขณะนี้คือต้องซื้อกลับบ้านเท่านั้น ห้ามนั่งในร้านเด็ดขาด
ส่วนด่านสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัดทั้ง 6 จุด ตลอด 6 วันที่ผ่านมา ได้ตรวจยานพาหนะไป 3,318 คัน , และบุคคลในยานพาหนะอีก 6,649 คน ยังไม่พบผู้ฝ่าฝืน อาจมีบางกรณีที่แรงงานพยายามข้ามจังหวัดเนื่องจากมีเหตุจำเป็นหรือมีอาการเจ็บป่วย ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ประสานนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลแทน ส่วนแคมป์คนงานที่ถูกปิด ทางกรุงเทพมหายครได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมแรงงานก่อสร้าง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและส่งเสบียงอาหารเข้าไปให้แรงงานในแคมป์หลักแล้ว ส่วนแคมป์เล็ก หากมีปัญหาให้ติดต่อไปยังสมาคมอุตสาหกรรมแรงงานก่อสร้างได้ทันที หรือหากมีปัญหาฉุกเฉินอื่นๆ หรือพบผู้ป่วย สามารประสานได้ที่หได้ที่สายด่วน 191 ได้ทันที ยืนยันว่าทางตำรวจ 191 ก็จะร่วมกับ 1669 กระทรวงสาธารณสุข ช่วยประสานหาเตียงหาโรงพยาบาลให้กับผู้ป่วยโควิดตามเดิม และหากทุกคนให้ความร่วมมือตามมาตรการที่ออกมา เชื่อว่าภายใน 1 เดือนจะสามารถลดตัวเลขผู้ติดเชื้อลงได้