ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 กค. ความคืบหน้าสถานการณ์โควิดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี วิกฤติหนัก ยอดผู้ติดเชื้อสูงอย่างต่อเนือง โดยยอดผู้ติดเชื้อวันที่ 3 ก.ค. มีจำนวนมากถึง 215 คน มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,938 คน รักษาหายแล้ว 1,390คน และ2วันคราชีวิตเพิ่มอีก 2 คน ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 15 คน และมีกลุ่มเสี่ยงสูง ส่งตรวจเชื้อโควิดกว่า 8000 คน ทั้งนี้ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย ปัจจุบัน กักตัว 104 คน และต้องจับตาผู้ที่กำลังจะเดินทางกลับอีก ซึ่งอาจจะพาเชื้อสายพันธ์เบต้าเข้ามาแบบไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับสายพันธ์เดต้าเช่นกัน สำหรับสาเหตุที่พบผู้ติดเชื้อสูงอย่างต่อเนื่อง ยังเป็นกลุ่มที่กลับจากกลุ่มมัรกัสยะลาแต่ไม่มารายงานตัวแต่กลับมาอยู่กับครอบครัวและในชุมชนทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทั้งกลุ่มแรกติดเชื้อในครอบครัวและญาติพี่น้องและไปสัมผัสกับเพื่อนบ้านในชุมชนทำให้ขยายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางส่วนพบเชื้อแอฟริก้า(เบต้า)แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ติดเชื้อสัมผัส ไม่แสดงอาการจึงเข้าใจว่าไม่ติดเชื้อจึงไม่มาหาหมอ ทำให้ขยายมากขึ้นและมียอดตายเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับหมู่บ้านที่ถูกสั่งปิดไปแล้ว แต่ยังพบประชาชนยังคงดื้อรั้น ไม่ยอมกักตัวในบ้าน ออกมาเดินเพ่นพ่านทำให้เชื้อยิ่งขยายมากขึ้นอีก ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะนี้จังหวัดได้กำหนด 9 อำเภอเป็นพื้นที่สีแดง ประกอบด้วย อ.เมือง อ.โคกโพธิ์ อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.ทุ่งยางแดง อ.มายอ อ.แม่ลาน อ.กะพ้อ อ.ไม้แก่น โดยทั้ง 9 อำเภอนี้ จังหวัดสั่งปิดสถานที่เสี่ยง 16 ตำบล, 26 หมู่บ้าน และ 24มัสยิด และมัสยิดเล็กไม่มีทะเบียน 20แห่ง ซึ่งยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่ตัดสินใจจะมีการปิด โดยผู้นำชุมชนแต่ละหมู่บ้าน ในอำเภอต่างๆ ได้รวมประชุมกับประชาชนร่วมกัน เพื่อหารือว่าควรปิดหรือไม โดยจังหวัดมีแผนที่จะปิดหมู่บ้านอีกอยู่แล้ว โดยขณะนี้ประชาชนที่ปกติกำลังตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากคนป่วยที่ไม่แสดงอาการ ปรากฏขึ้นแล้วในหลายๆหมู่บ้าน บางรายก็ไม่ทราบว่าติดเชื้อ แต่ช่วงเวลานั้นได้ไปแพร่เชื้อให้กับคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ทำให้ทุกคนไม่กล้าออกจากบ้าน ได้เริ่มซื้อของตุนไว้ที่บ้าน