วันที่ 3 ก.ค.64 - ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม และนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ร่วมแถลงประเด็นสำคัญด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดย นพ.สมศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องเตียงและสถานที่รองรับผู้ป่วยว่า จำนวนเตียงเฉลี่ยทั้งประเทศยังพอรับได้ แต่ในส่วนของ กรุงเทพฯ ปริมณฑล ที่มีการขยายเตียงโอเวอร์ไปประมาณ 200-300% รวมกับทางภาคใต้ที่มีการระบาดใน 3 จังหวัดบวกกับจ.สงขลา ซึ่งเป็นส่วนที่พยายามเตรียมเตียงเพิ่ม ซึ่งต้องเรียนว่าหากไม่จำเป็นก็ไม่อยากใช้มาตรการ Home Isolation อย่างไรก็ตามเรามีเตียง มีอุปกรณ์พร้อมหมด ขาดเพียงแค่บุคลากรทางการแพทย์ จึงต้องการหมอที่เพิ่งเรียนจบ แพทย์เฉพาะทางอย่าเพิ่งกลับไปใช้ทุนต่างประเทศ ให้มาช่วยกันตรงนี้ รวมทั้งระดมพยาบาลไอซียูจากต่างจังหวัดมาช่วยด้วย สำหรับกรุงเทพฯ ได้ขยายเตียงสีเหลืองและสีแดงเพิ่ม สีเขียวเอกชนมาร่วมเพิ่มอีก 4,000 เตียง แต่จากการทำงานของคอลเซนเตอร์ทั้ง 1330 และ 1668 1669 พบว่ายังมีคนที่ค้างรอเตียงที่บ้านเป็นจำนวนมาก จึงมีการคิดมาตรการ Home Isolation ที่โรงพยาบาลสามารถไปดูแลคนไข้ที่บ้านได้ เช่น การวัดปรอทที่บ้าน วัดไข้ วัดออกซิเจนในกระแสเลือด ซึ่งหากค่าออกซิเจนเกิน 3% ก็จะให้มาที่โรงพยาบาล ส่งอาหารให้ทาน 3 มื้อ รวมถึงวิดีโอคอลวันละ 2 ครั้งเพื่อติดตาม เพราะการทำ Home Isolation มีปัญหาแน่นอนในเรื่องของการกลัวว่าสุขภาพของผู้ป่วยจะแย่ลง หากมีการติดตามก็คาดว่าจะไม่มีปัญหา นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การทำ Home Isolation สามารถทำได้กับคนที่มีห้องส่วนตัวที่อยู่คนเดียว โดยมีมาตรการการทำ Community Isolation คือการนำผู้ติดเชื้อมาแยกกักตัวที่บางแห่งอาจจะใช้ เป็นศาลาวัด หอประชุมโรงเรียน แม้กระทั่งในโรงงานเอง ทั้งนี้มีภาคสังคมเข้ามาร่วม มีกทม.เจ้าของพื้นที่มาช่วยทำ เพราะในเวลานี้ได้รับแจ้งจากผอ.โรงพยาบาลราชวิถี ถึงกรณีขยายห้องฉุกเฉินเพิ่มออกมาจากห้อง ER และเนื่องจากมีหญิงท้องติดโควิดเป็นจำนวนมากแต่โรงพยาบาลต่างๆ ไม่ค่อยรับ ต้องขอความร่วมมือให้โรงพยาบาลต่างๆ ช่วยกันรับ เพราะเมื่อเด็กคลอดและต้องแยกไปที่โรงพยาบาลเด็กเกิดปัญหาเตียงไม่พอ หากทุกภาคส่วนช่วยกันตนคิดว่าจะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่ง นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องที่สำคัญในการแก้ไขสถานการณ์ 5 เรื่อง คือนโยบายต้องชัดเจน ประชาชนต้องให้ความร่วมมือ ระบบการควบคุมโรคดี ระบบรักษาพยาบาลเข้มแข็ง และการฉีดวัคซีนครอบคลุม หาก 5 เรื่องนี้ไปด้วยกันดี ก็จะผ่อนคลายในส่วนอื่นๆ ลงได้ ด้วยสถานการณ์ผู้ป่วยในประเทศเวลานี้อยู่ที่ 5,000-6,000 คน ยังพอไปได้หากไม่ขึ้นมากกว่านี้ และถ้าหากมาตรการทั้ง 5 นั้นเป็นไปอย่างเคร่งครัด จากตัวเลขอยู่ที่ 1,000 คนปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ขยายเตียงไอซียูก็ยังพอไหวแล้ว แต่เมื่อมาแตะ 2,000 คนการขยายเตียงไอซียูก็อาจจะมีปัญหา จึงควรลดจำนวนผู้ป่วยลงก่อนจึงจะสามารถจัดการกับสถานการณ์ในส่วนนี้ได้