กฟผ.สนองพระราชดำรัส “ปลูกป่าในใจคน” (จบ) นายมานะ โพธิ์ทอง หัวหน้ากองพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมกฟผ.บอกย้ำผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า กฟผ.เริ่มโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เริ่มตั้งแต่ปี2537 ปลูกทั่วประเทศตั้งแต่ยอดดอยถึงป่าชายเลนรวมแล้วเกินสี่แสนไร่ แล้วยังได้สนองพระมหากรุณาธิคุณพระบรมวงศานุวงศ์ในโอกาสมหามงคลต่างๆ เฉพาะป่าพรุป่าชายเลนปลูกมาจนถึงปี2560นี้ก็นับแสนไร่ ทำโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล 4 เส้นทางปลูกไปแล้วมีที่จังหวัดตาก จังหวัดน่าน จังหวัดจันทบุรีและเส้นทางสุดท้ายปลูกป่าชายเลนจังหวัดกระบี่ ในกิจกรรม “ปั่น ปั้น ปัน ปลูก” ปั่นคือใช้จักรยานของจิตอาสาชมรมจักรยานชาวอำเภอเหนือคลองร่วมกับศิลปินดาราสื่อมวลชน ปั่นจักรยานไปปลูกป่าชายเลนพื้นที่ 5 ไร่ พื้นที่ดังกล่าวปลูกมาก่อนแล้วที่บ้านแหลมกรวด วันนี้เป็นการไปปลูกซ่อมที่ยังไม่สมบูรณ์ดี แต่ที่ผ่านมาก็สร้างระบบนิเวศน์ดีขึ้นมากเพราะชาวบ้านเข้าใจถึงความสำคัญของป่าชายเลนของทรัพยากรธรรมชาติที่มีต่อสรรพชีวิต โดยเฉพาะการดำรงชีวิตของชาวชุมชนที่นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามแนวพระราชดำริ รวมทั้งยังได้นำความรู้ความเข้าใจในการดำรงชีวิตตามแนวพระราชดำริหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เป้าหมายคือความสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งชาวอำเภอเหนือคลองได้เดินตามรอยพระยุคลบาทแล้วสามารถอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติโดยไม่ต้องทำลาย อยู่แบบพึ่งพากันทำให้มีอยู่มีกินแบบพอเพียงจริงๆ “วันนี้นะชาวบ้านไม่ต้องหาอาหารไกลเลย เข้ามาในพื้นที่ป่าชายเลนที่กลับมาอุดมสมบูรณ์แล้วนี้มีห่วงโซ่อาหารเกิดขึ้น เช่นเก็บหอยชาวบ้านเรียกหอยกันเป็นสัตว์ท้องถิ่น ปูดำ ขึ้นอยู่กับขยันแค่ไหน ถ้าขยันไม่ต้องไปไหนเลยในพื้นที่ป่าชายเลนนี้มีอุดมสมบูรณ์ คราวนี้เน้นที่จะชวนจิตอาสา ประชาชนชาวบ้านสืบสานพระราชปณิธานงานของพ่อที่ทรงทำเพื่อประโยชน์สุขของราษฎรของพระองค์ที่สรุปออกมา 9 ข้อโดยกฟผ.เน้นพระราชปณิธานปกป่าป้องน้ำ ในส่วนของชื่อกิจกรรม ปั่น ปั้น ปัน ปลูก ปั่นคือจิตอาสาของชมรมจักรยานอำเภอเหนือคลอง ปั่นจักรยานไปร่วมปลูกป่า ปลูกก็คือปลูกป่าชายเลนเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ปั้นคือเอาความรู้ความเข้าใจความรักแล้วความรู้ด้านการประกอบอาชีพด้วยทางชีววิถี ส่วนปันคือเอาอุปกรณ์การศึกษาการกีฬาไปมอบแก่โรงเรียนบ้านแหลมกรวด” นายมานะบอกว่าวันนี้มาร่วมกันปลูกป่าชายเลนที่บ้านแหลมกวรดแห่งนี้ ชาวบ้านก็พาลูกหลานมาร่วมกันปลูกป่าอย่างสนุกสนานกัน กองพันทหารราบที่1 กรมทหาราบที่15 คลองท่อม จังหวัดกระบี่ก็มาร่วมด้วยนับ 20 นาย ออกจากพื้นที่ปลูกป่าบ้านแหลมกวรดไปที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของนายพิชิต ชูมณี วัย 50 ปี บ้านเกาะไทร ตำบลปกาศัย อำเภอเหนือคลอง ห่างจากสนามบินเหนือคลองเพียง 6 กม.จากถนนใหญ่เพชรเกษม กม.ครึ่ง พื้นที่ดังเดิมเป็นมรดกตกทอด ทำนาเป็นหลัก แม้ครอบครัวส่วนใหญ่จะรับราชการแต่พิชิตกลับมีแนวคิดว่าจะใช้พื้นที่มรดกปู่ย่าตายายนี้สร้างพื้นที่เกษตรแบบผสมผสาน “ผมแหวกแนวมาคนเดียวด้วยใจรักในการปลูกพืชปลูกต้นไม้ แม้ว่าพื้นที่นี้ใครต่อใครเขาบอกว่าทำไม่ได้ ดินไม่เอื้ออำนวย แต่แรงบันดาลใจเกิดขึ้นกับผมเมื่อปี2540 ได้ซึมซับแนวพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงแนะประชาชนของพระองค์ท่ามกลางประเทศไทยเจอวิกฤติเศรษฐกิจ ผมก็เริ่มตั้งแต่บ้านอยู่อาศัย แทนที่จะปลูกบ้านดังที่ทำกันผมปลูกบ้านดิน แล้วขุดบ่อน้ำ ปลูกไม้ยืนต้นทั้งไม้ผลเช่นกระท้อน กล้วย ไม้ผลอื่นๆหลากหลายแล้วก็พืชผัก ปลูกผสมผสานไป นาก็ยังทำอยู่แบ่งพื้นที่ทำนา 4 ไร่” พิชิตเล่าว่าพื้นที่มรดกเดิมเป็นนาพ่อแม่บอกว่าดินมันเสียทำนาข้าวก็ไม่ค่อยงอกงามได้ผลเท่าที่ควร ปลูกพืชผักอื่นไม้อื่นก็ไม่ค่อยจะให้ผล แต่ก็ตั้งหน้าตั้งทำ สร้างแหล่งน้ำพัฒนาดิน ตามแนวพระราชดำริที่ในหลวงรัชกาลที่9 พระราชทานแนวทำเกษตรทฤษฎีใหม่ก็น้อมนำมาปรับประยุกต์ใช้ ทำเกษตรแบบอินทรีย์ไม่มีสารเคมาเลยตั้งแต่ต้น ทำมาต่อเนื่อง 20 ปีแล้วผลก็อย่างเป็นที่เห็นทุกวันนี้ ใครมาขอคำแนะนำก็ชี้แนะให้ไม่ปิดบัง ย้ำด้วยว่าต้องเดินตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “ผมอยู่ได้มีความสุขทั้งที่มีรายได้จากผลผลิตที่เห็น มีความสุขทั้งที่ได้เอื้อเฟื้อคนอื่น แนะนำคนอื่นให้ลองเดินตามทางนี้ดู ผมมีรายได้เฉพาะพืชผักก็เดือนหนึ่ง 3 หมื่นบาทโดยประมาณ ไข่ไก่ ปลา ผลไม้มีหมด ผักกางมุ้งที่เห็นไม่มากมายแต่พอกินเหลือขาย ทำทุกพื้นที่ไม่ให้ว่าง ปุ๋ยอินทรีย์ทำเอง ทำเองทุกอย่างแม้แต่บ้านดิน ผมว่าหัวใจอยู่ที่เราต้องมีคุณธรรมนะ มีความขยัน อดทน มีเมตตากรุณา ตั้งมั่นอยู่ในศีล 5 มีความกตัญญู ผมว่านะถ้าไม่มีในหลวงรัชกาลที่9 ชาติบ้านเมืองจะขาดการแบ่งปัน” นายพิชิต ชูมณีในฐานะประธานศูนย์เรียนรู้ฯและเป็นเจ้าของพื้นที่ บอกว่าได้รับการส่งเสริมเพิ่มเติมจากกฟผ.เรื่องการทำเกษตรแบบชีววิถีด้วย มาเติมเต็มทั้งองค์ความรู้ด้านพัฒนาดิน พัฒนาแหล่งน้ำ ทั้งเทคโนโลยี รวมถึงเทคโนโลยีด้านพลังงานจากสำนักงานพลังงานจังหวัดกระบี่ก็มาส่งเสริมด้วยมาให้ความรู้เรื่องตู้อบพลีงงานแสงอาทิตย์ที่ประหยัดมากแต่คุณภาพประสิทธิภาพและปริมาณได้ดี โดยใช้วัสดุที่มีอยู่ในพื้นที่เป็นแนวทางตามพระราชดำริอย่างแท้จริง ซึ่งตรงนี้พิชิตบอกว่าศูนย์เรียนรู้จึงเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดให้ผู้สนใจนำไปต่อยอดได้จำนวนมาก ศูนย์เรียนรู้ฯนายพิชิต ชูมณีมีคำขวัญว่า “บ้านดินกระบี่ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ มีผ้าถุงปัก ข้าวผักคุณธรรม รำมโนราห์เพลินตารองเง็ง” ในส่วนของตัวแทนดาราศิลปินคุณจ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดมบอกว่ามาวันนี้ถือว่าเป็นบุญนะที่ได้มาร่วมโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลสืบสานพระราชปณิธานงานของพ่อในหลวงรัชกาลที่9 ไม่ต้องเอาอะไรมาเอาตัวกับหัวใจมาร่วมปลูกป่าโกงกางที่บ้านแหลมกรวด ทำให้เพิ่มพูนทรัพยากรธรรมเกิดความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป็นแหล่งดำรงชีวิตพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยเพราะปัจจัยสี่อยู่ที่นั่น แล้วพื้ทนี่ก็จะงดงามยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นจุดปลูกสำนึกเยาวชน เพราะไม่เฉพาะแต่ผู้ใหญ่ที่มีสำนึกรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กๆเลย โดยมีพ่อแม่ผู้ปกครองนำปลูก นำรักษา เมื่อป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์อาหารก็เกิดไม่ต้องไปหาไกล กุ้งหอยปูปลามาอยู่ใกล้ นี่ก็เป็นแรงบันใจให้ตระหนักถึงคุณค่า “ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงให้ปลูกป่ามีความหมายลึกซึ้งมากนะ เพราะป่าให้อาหาร ให้ร่มเงา ให้ระบบนิเวศน์ ความสมดุลย์ทางธรรมชาติเมื่อตรงนี้เกิดในสำนึกในใจคน ก็จะไม่เกิดการทำลายป่าทำลายความสมดุลย์ทางธรรมชาติจะเกิดขึ้นแน่นอน แล้วนี่กฟผ.มาชวนชาวบ้านปลูกป่านอกจากมีรายได้แล้ว ยังมาส่งเสริมเรื่องการสร้างอาชีพเสริมทางชีววิถีคือส่งเสริมอาชีพการเกษตรในบ้านในชุมชน เอาองค์ความรู้ เอาพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์มาให้เป็นต้นแบบ จะทำให้เกิดการพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยเราจะมีความสุขได้เป็นความสุขยั่งยืนด้วย “วันนี้วันที่ไม่มีพ่อหลวงแล้วคิดว่าก็เข้าใจสังขารสรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้ เกิดแก่ เจ็บ ตาย แต่พระราชปณิธานของพระองค์ท่านจะอยู่ชั่วกัลปาวสานที่เราคนไทยจะได้น้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อความสุขสงบอย่างยั่งยืน ส่วนตัวนะขอน้อมนำคำว่ารู้จักหน้าที่ของตัวเองไปปฏิบัติ มีความหมายลึกซึ้งมาก เป็นลูกก็ทำหน้าที่ลูกที่ดี ดาราก็ทำหน้าที่ดารา ผู้สื่อข่าวก็ทำหน้าผู้สื่อข่าว ทำอย่างรู้หน้าที่ของตน”จ๊ะจ๋า...กล่าวทิ้งท้าย