สถานการณ์ของรัฐบาล เมื่อล่วงเข้ากลางปี และครึ่งเทอมหลังในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ดูเหมือนว่า คลื่นลมที่ซัดเข้าใส่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทวีความรุนแรงมากขึ้น อย่างต่อเนื่อง ! การรับมือกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง กลายเป็นเรื่องเล็ก ไปถนัดใจ เพราะถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่มีทาง “ถอดใจ” เพราะการเคลื่อนไหวของ “ม็อบราษฎร” หรือเสียงขับไล่จากม็อบรุ่นใหญ่ ทั้ง “ไทยไม่ทน” และ “ม็อบประชาชนคนไทย” ก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีความหมาย เกิดน้ำหนักมากพอ ที่จะ “เขยื้อน” จนทำให้เก้าอี้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่นคลอน ทว่าสิ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีอันต้องซวนเซ จนเก็บอาการไม่อยู่ เห็นจะมีอยู่ประเด็นเดียวนั่นคือการแก้โจทย์ที่ว่า รัฐบาลจะบริหารจัดการวัคซีนให้ “พร้อม” ได้อย่างไรเพื่อตอบสนอง ให้การฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั่วประเทศ ได้ถึง 50 ล้านคนเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ เมื่อวัคซีนยังไม่พร้อม แต่ปัญหาที่ซ้อนขึ้นมา คือมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ ทั้งในส่วนของตลาดสด โรงเรียน โรงงาน ไปจนถึงแคมป์คนงาน โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีการระบาดรุนแรง ยังพบว่ามีการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา นั่นคือสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่กระจายทั้งในกทม.และลามไปต่างจังหวัด โดยเฉพาะคนงานที่เคลื่อนย้าย ออกจากแคมป์ก่อสร้างในกทม. ไม่เพียงแต่ปัญหาจากการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนที่ยังมาไม่เพียงพอกับการระดมฉีดเท่านั้น แต่ยังพบว่าเมื่อใดที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ถึงจุดคลี่คลายลงไป ความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ ทั้งรายย่อย รายใหญ่ ไปจนถึงลูกจ้างคนเล็กคนน้อย ที่ร้านอาหารที่ต้องปิดกิจการลง ยิ่งทำให้อารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ยิ่งเป็น “ลบ” ต่อผู้นำรัฐบาลมากขึ้นเท่านั้น ! ล่าสุดการที่คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 6/2564 กำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ได้มีการกำหนดควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพื่อควบคุมโรคและป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง โดยมีคำสั่งปิดสถานที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับคนงานทั้งภายในและภายนอกสถานที่ก่อสร้าง ให้หยุดงานก่อสร้าง และห้ามการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงาน เป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 30 วัน นอกจากนี้ยังออกมาตรการกำหนดให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า โรงแรม ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ ให้ขายเฉพาะซื้อกลับบ้านเท่านั้น ได้ส่งผลกระทบตามมาในวงกว้าง ทั้งถูกวิจารณ์ว่าการออกประกาศในเวลาตีหนึ่งของวันที่ 27 มิ.ย.นั้นเท่ากับว่าไม่ได้ให้เวลาเตรียมตัวแก่ร้านอาหาร ร้านค้า จนเกิดความเสียหายตามมา ความไม่พอใจที่ผู้คนในสังคมบางกลุ่ม ออกมาปะทุ กระแทกไปยังพล.อ.ประยุทธ์ เพียงลำพังยังไม่พอ ! แต่ยังลุกลามบานปลายไปถึง “ทีมแพทย์ที่ปรึกษา” ที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่นายกฯ ที่โดนโจมตีอย่างรุนแรง โดยเฉพาะมีการเคลื่อนไหว ตั้งแคมเปญล่ารายชื่อผ่านเว็บไซต์ Change.org ได้เรียกร้องให้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปลด “หมอยง” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ออกจากตำแหน่งหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โดยโยนข้อหาว่า หมอยง มีความเห็นในด้านวัคซีนที่ผิดเพี้ยนไปจากบทความทางวิชาการ และหลายต่อหลายครั้งที่สนับสนุนวัคซีนที่ด้อยประสิทธิภาพอย่าง Sinovac โดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการมารองรับ จนทำให้ ฝ่ายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาตอบโต้ พร้อมทั้งพากัน ติดแอชแทค # saveหมอยง ปกป้องหมอยง จากฝั่งตรงข้ามที่จงใจโจมตี พุ่งเป้าทำลายไปที่ “ทีมแพทย์ที่ปรึกษา” ไปพร้อมๆกับการเขย่า เก้าอี้พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยถ้อยคำหยาบคายผ่านโลกโซเชี่ยล แม้แต่บิ๊กตู่ ยังเปรยกับสื่อว่ารู้สึกเสียใจ “ หลายๆอย่างผมก็เสียใจอยู่เหมือนกันที่หลายๆคนใช้วาจากิริยาไม่สุภาพ ไม่อยากจะพูดหรอก อดทนอยู่แล้ว อาจถูกใจไม่ถูกใจบ้าง แต่ขอให้รู้ว่าเราฟังความคิดเห็นทุกคน นำมาปรึกษาพวกเราให้ดีที่สุด เห็นใจกันและกันมันจะไปได้หมด ถ้าไม่เห็นใจกันมันไปไม่ได้ และทำให้ความขัดแย้งสูงขึ้น การเมืองก็ขอไว้เถอะอย่าเพิ่งเลย” ( 29 มิ.ย.64) มรสุมจากพิษโควิด -19 ส่อเค้าว่า จะกลายเป็นศึกที่ยืดเยื้อ หาจุดจบได้ยากเย็น แม้นาทีนี้จะมีคนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ลุกออกไปก็ตาม แต่ลึกๆแล้วจะมี “หัวหน้าพรรค” คนไหน หรือ “แคนดิเดตนายกฯ” คนใด ก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครหาญกล้า ขออาสาขึ้นมาบริหารสถานการณ์ “วิกฤตโควิด” อย่างแน่นอน เพราะนี่คือโรคอุบัติใหม่ ที่ผู้คนทั่วโลกต่างเผชิญหน้า รับมือกับสงครามไวรัส ไม่น้อยหน้ากัน ลำพังความวุ่นวายจากปัญหาทางการเมือง ย่อมไม่ระคาย สำหรับรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ เพราะทุกเกมการเล่น ล้วนถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว แต่สำหรับการรับมือกับสงครามไวรัส อันยืดเยื้อและเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างทาง คือความท้าทายที่พล.อ.ประยุทธ์ และ “เรือเหล็ก” จะต้องพิสูจน์ฝีมือ แม้จะเหนื่อยล้า ก็ยัง “ถอดใจ”ไม่ได้อีกด้วย !