ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 มิย. 2564 การแพร่ระบาดโควิด19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีที่พบผู้ติดเชื้อมาอย่างต่อเนื่อง และจะยังคงเพิ่มขึ้น ทำให้บรรยากาศร้านอาหารต่างๆ ภายในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี และรอบนอก เป็นไปด้วยความเงียบเหงา หนำซ้ำผู้ว่าออกคำสั่งให้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเฉพาะนำกลับไปบริโภคที่บ้าน ส่งผลให้ ผู้ประกอบการร้านอาหารไม่ว่ารายเล็ก รายกลาง หรือรายใหญ่ ต่างได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด เหมือนโดนฟ้าผ่าซ้ำๆ เพราะสัดส่วนรายได้ร้านอาหาร 80% มาจากการนั่งทานในร้าน
ซึ่งการออกมาตรการกังกล่าว จังหวัดปัตตานี เล่นออกมาตรการควบคุมป้องกันโควิด19 โดยไม่มีการเยียวยาใดๆ ด้วยวิกฤตินี้ร้านอาหารต่างๆกำลังเดือนร้อนอย่างหนัก และกำลังจะอดตายกัน เช่นเดียวกับพนักงานก็ถูกสั่งให้หยุดงานไปก่อน บางร้านมีพนักงาน 10 ก็ลดเหลือเพียงคนเดียวทั้งนี้ยังคงเป็นปัญหายืดเยื้อมาอย่างยาวนาน
ขณะที่ร้านอาหารต่างๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้จังหวัดหาทางออกที่ดีกว่านี้ เช่นร้านขนาดใหญ่ควรให้มีการนั่งได้ แต่ให้มีการเว้นระยะ และมีแผงกันระหว่างคนนั่ง เช่นเดียวกับร้านเล็กๆให้มีจำกัดจำนวนคนนั่งเข้า เพราะการทำแบบนี้สามารถช่วยอีกหลายชีวิต ทั้งผู้ประกอบการ และพนักงาน ด้วยมาตรการห้ามหนังทำให้ต้องตัดพนักงานออก บางร้านก็เหลือพนักงานเพียงคนเดียว
เสียงสะท้อนของนางนิเมาะ เสาะและ เจ้าของร้านอาหารซื้อดัง ร้านนิเลาะ ที่ตังอยู่เส้นทาง สายมอ. ปัตตานี เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิดในปัตตานีตอนนี้ ร้านค้าได้รับผลกระทบมาก การค้าขายยิ่งแย่ลง ลูกค้าที่มากินข้าวก็นั่งไม่ได้ เจอผลกระทบแทบทุกร้าน พูดได้เต็มปากว่าน้ำตาไหลทุกวัน ซึ่งตนก็คิดทุกครั้งเวลาขายว่าจะได้เงินเท่าไหร่ จากลูกน้อง 3-4 คน ก็ลดเหลือคนเดียว ส่วนตนก็ล้างจานเองทำทุกอย่างเองหมด และจากเมื่อก่อนกับข้าวมีเกือบ 50 อย่าง แต่วันนี้ตกลดลงเหลือ 20 อย่าง ตอนนี้บอบซ้ำมาก ตื่นเช้ามาจะไปจ่ายกับข้าว จะเอาเงินกิน และยิงกลางคือก็นอนไม่หลับคิดหนักมาก
ส่วนที่จังหวัดออกมาตรการห้ามนั่งในร้าน ตนก็รวมมือได้ แต่ถ้าร้านใหญ่แบบนี้ทำไมถึงไม่ให้นั่งแบบโต๊ะละคน ให้โอกาสคนที่มีร้านบ้าง เพราะคนที่มาไกล สั่งข้าวห่อ 30-40 บาท และก็ให้เขากลับอีก 30 กม. ไปทานที่บ้านหรือ? จังหวัดได้ไตร่ตรองส่วนนี้หรือไม อย่างน้อยขอแค่แยกนั่งก็ได้ คือมีมารการอะไรก็ได้ที่ช่วยร้านค้าพอจะดีขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่อยู่กันแบบนี้ เพราะเท่ากับเราตายทั้งเป็น