จากกรณีที่ชาวบ้าน ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากมีกลุ่มบุคคล นำเต๊นท์มากางปักบริเวณข้างทางถนนหลักติดริมคลองระพีพัฒน์ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาทำให้รถยนต์วิ่งสวนกันไป-มา ด้วยความลำบาก ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น วันที่ 23 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายซุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ มอบหมายให้นายอนุศักดิ์ ทองปรุง หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสิบสวน สภ.วังน้อย ตามที่ปรากฎว่ามีกลุ่มบุคคลนำเต๊นท์มากลาง เป็นการบุกรุกในทีราชพัสดุ นายอนุศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทำการติดประกาศหมายแจ้งเตือน เพื่อให้ เจ้าของสิ่งก่อสร้าง ดำเนินการรื้อย้ายออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวแล้วปรากฏว่า ประชาชนแจ้งว่า กลุ่มผู้ที่กระทำผิดยังได้ดำเนินการรื้อถอนเต๊นท์ ออกจากจุดนี้ขยับไปตั้งขึ้นจากจุดเดิมประมาณ 15 เมตร และบังป้ายบอกทางเข้า อบต.พยอม ซึ่งการกระทำดังกล่าวผิดต่อกฏหมาย ซึ่งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ได้แจ้งความดำเนินต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย เพื่อดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ราชพัสดุ โดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2458 และ ฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 23 รรคแรก ซึ่งกำหนดว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้าง แก้ไข หรือต่อเดิมสิ่งก่อสร้าง หรือปลูกปักสิ่งใด หรือทำการเพาะปลูก รุกล้ำทางน้ำซลประทาน ซานคลอง เชตคันคลอง หรือเขตพนัง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายช่างชลประทาน" มาตรา 28 ซึ่งกำหนดว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งขยะมูลฝอย ซากสัตว์ ซากพืช เถ้าด่าน หรือสิ่งปฏิกูลลงในทางน้ำชลประทาน หรือทำให้น้ำเป็นอันตรายแก่การเพาะปลูกหรือการบริโภค ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยน้ำซึ่งทำให้เกิดเป็นพิษแก่น้ำตามธรรมชาติ หรือสารเคมีเป็นพิษลงในทางน้ำชลประทาน จนอาจทำให้น้ำในทางน้ำชลประทานเป็นอันตรายแก่การเกษตรกรรม การบริโภค อุปโภค หรือ สุขภาพอนามัย"วรรคหนึ่ง มาตรา 30 หรือมาตรา 3 ต้องระวางโทษจำคุกไม่กินสามเตือนหรือปรับไม่กินสองพันบาท หรือ มาตรา 17 ซึ่งกำหนดว่ "ผู้ใดฝ่ฝืนมาตรา 23 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคหนึ่ง มาตรา 28 ทั้งจำทั้งปรับ"วรรคสอง "ผู้ใดผ่ฝืนมาตรา 24 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" นายอนุศักดิ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ชลประทานได้ติดหมายประกาศให้รื้อถอน เมื่อมีการขยับเคลื่อนย้ายจากจุดเดิมหน้าซอยพยอม 16 ไปตั้งที่บริเวณทางเข้าซอยพยอม 15 อันเป็นความผิดกฏหมาย และวันพรุ่งนี้ทางตนและนิติกร พร้อมเจ้าหน้าที่จะลวพื่นที่ติดหมาย และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย อีกครั้งหลังพบการกระทำความผิดแบบเดิมๆ โดยกลุ่มบุคคลเก่าที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.อยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่นำเต็นท์มาตั้งที่บริเวณหน้าซอยพยอม 16 และขยับไปตั้งจุดใหม่ที่บริเวณหน้าซอยพยอม 15 บังป้ายบอกมทางเป็นการสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับสังคมและส่วนรวม วอนผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ บำบัดทุกข์บำรุงสุข ดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อสังคมและส่วนรวมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19