เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พ.ต.ท.นิธิ ชาญประสิทธิ์ผล รอง ผกก.สส.สน.วัดพระยาไกร พร้อมด้วยตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายนที หรือกุ้ง บุญมาแย้ม อายุ 32 ปีและนายจรวย หรืออ้วน สุทธิพันธ์ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์เซียนพระเครื่องชื่อดังย่านลาดพร้าว พร้อมด้วยของกลาง เงินสดจำนวน 15,000 บาท เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายตาราง สีฟ้า-ขาว จำนวน 1 ตัว กางเกงยีนส์ขาสามส่วน สีฟ้า จำนวน 1 ตัว รองเท้าแตะแบบหูหนีบ สีดำ จำนวน 1 คู่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อ OPPO (ออฟโป้) รุ่น A37 สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง ซิมการ์ดจำนวน 1 อัน ผ้าปิดจมูก สีฟ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อ I-mobile (ไอโมบาย) รุ่น Hitz สีน้ำเงิน และซิมการ์ด จำนวน 1 อัน จับกุมได้เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 13.15 น. ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งว่ามีเจ้าของร้านรับเช่าพระและรับซื้อของเก่าย่านลาดพร้าว ผู้เสียหายได้ตกลงซื้อกระเพาะปลาเก่า มูลค่า 60,000 บาท กับผู้ต้องหาทางโทรศัพท์ เมื่อตกลงกันแล้วจึงนัดหมายรับสินค้าที่บริเวณพระรามที่ 3 ซอย 4 แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ เมื่อพบกัน ผู้เสียหาย ได้ยื่นเงินสดจำนวน 60,000 บาท ให้แก่นายนที หรือกุ้ง แต่เมื่อนายนที รับเงินจำนวนดังกล่าวกลับหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
ต่อมาตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียงพบว่ามีชาย 1 คน ลักษณะรูปร่างท้วม ผมรองทรงสั้น ผ้าปิดจมูกสีฟ้า สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายตาราง สีฟ้า-ขาว สวมกางเกงยีนส์ ขาสามส่วน สีฟ้า ใส่รองเท้าแตะ สีดำ เมื่อดูจากภาพกล้องวงจรปิด และจากการสืบสวนทำให้ทราบอีกว่าบุคคลตามภาพวงจรปิดเป็นบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าขายของเก่าอยู่บริเวณซอยอยู่ดี 18 (ใต้ทางด่วน) จึงเดินทางไปตรวจสอบ จนทราบว่าผู้ต้องหา ชื่อว่า นายนที หรือกุ้ง พักอาศัยอยู่ ในต.นาดี อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ตำรวจฝ่ายสืบสวน พร้อมผู้เสียหาย จึงติดตามไป
เมื่อใกล้ถึงบ้านหลังดังกล่าวผู้เสียหายได้เห็น นายนที หรือกุ้ง อยู่บริเวณปั้มน้ำมันปตท.สมุทรสาคร-พระราม 2 (กม.25 ) ต.นาดี อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยสวมชุดที่ใส่ก่อเหตุ ผู้เสียหายจึงชี้ให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนทำการตรวจค้นจับกุม ผลการตรวจค้นพบของกลางทั้งหมด จึงขยายผลจับกุมนายจรวย หรืออ้วนได้อีกรายที่บริเวณกลางซอยเจริญกรุง 107 แยก 5 แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ
โดยผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ส่วนเงินที่ได้มาได้ใช้จ่ายไปแล้วจำนวน 45,000 บาท คงเหลือ จำนวน 15,000 บาท ส่วนนายจรวย หรืออ้วน ทำหน้าที่พูดคุยโทรศัพท์หลอกผู้เสียหายว่ากระเพาะปลาอยู่ที่ นายจรวย โดยใช้โทรศัพท์ ติดต่อกับผู้เสียหาย
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์”นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 13.15 น. ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งว่ามีเจ้าของร้านรับเช่าพระและรับซื้อของเก่าย่านลาดพร้าว ผู้เสียหายได้ตกลงซื้อกระเพาะปลาเก่า มูลค่า 60,000 บาท กับผู้ต้องหาทางโทรศัพท์ เมื่อตกลงกันแล้วจึงนัดหมายรับสินค้าที่บริเวณพระรามที่ 3 ซอย 4 แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ เมื่อพบกัน ผู้เสียหาย ได้ยื่นเงินสดจำนวน 60,000 บาท ให้แก่นายนที หรือกุ้ง แต่เมื่อนายนที รับเงินจำนวนดังกล่าวกลับหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
ต่อมาตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียงพบว่ามีชาย 1 คน ลักษณะรูปร่างท้วม ผมรองทรงสั้น ผ้าปิดจมูกสีฟ้า สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายตาราง สีฟ้า-ขาว สวมกางเกงยีนส์ ขาสามส่วน สีฟ้า ใส่รองเท้าแตะ สีดำ เมื่อดูจากภาพกล้องวงจรปิด และจากการสืบสวนทำให้ทราบอีกว่าบุคคลตามภาพวงจรปิดเป็นบุคคลที่ประกอบอาชีพค้าขายของเก่าอยู่บริเวณซอยอยู่ดี 18 (ใต้ทางด่วน) จึงเดินทางไปตรวจสอบ จนทราบว่าผู้ต้องหา ชื่อว่า นายนที หรือกุ้ง พักอาศัยอยู่ ในต.นาดี อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ตำรวจฝ่ายสืบสวน พร้อมผู้เสียหาย จึงติดตามไป
เมื่อใกล้ถึงบ้านหลังดังกล่าวผู้เสียหายได้เห็น นายนที หรือกุ้ง อยู่บริเวณปั้มน้ำมันปตท.สมุทรสาคร-พระราม 2 (กม.25 ) ต.นาดี อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยสวมชุดที่ใส่ก่อเหตุ ผู้เสียหายจึงชี้ให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนทำการตรวจค้นจับกุม ผลการตรวจค้นพบของกลางทั้งหมด จึงขยายผลจับกุมนายจรวย หรืออ้วนได้อีกรายที่บริเวณกลางซอยเจริญกรุง 107 แยก 5 แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ
โดยผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ส่วนเงินที่ได้มาได้ใช้จ่ายไปแล้วจำนวน 45,000 บาท คงเหลือ จำนวน 15,000 บาท ส่วนนายจรวย หรืออ้วน ทำหน้าที่พูดคุยโทรศัพท์หลอกผู้เสียหายว่ากระเพาะปลาอยู่ที่ นายจรวย โดยใช้โทรศัพท์ ติดต่อกับผู้เสียหาย
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์”นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.