ศูนย์ร่วมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) จี้ ตร.เร่งติดตามตัวผู้ร่วมกระทำความผิดคดี "ร่วมกันเผาพระบรมฉายาลักษณ์
วันที่ 22 มิ.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายจักรพงษ์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศูนย์ร่วมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เข้ายื่นหนังสื้อ ต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เรื่อง ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ร่วมกระทำความผิดคดี "ร่วมกันเผาพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10" โดยมีพ.ต.อ.เสรี ภูษาชีวะ เวรอำนวยการเป็นผู้รับเรื่อง
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า เนื่องด้วยวันที่25 พฤษภาคม 2564พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชัยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลู อายุ 32 ปี เป็นจำเลยในฐานความผิด "ร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" "ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น" "และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรชอาณาจักร"ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33,83,91,112,217 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6)W.ศ. 2526 มาตราพระราชบัญญัติการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การ ปฏิเสธ
โดยคำฟ้องบรรยายพฤติกรรมว่าเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 เวลากลางคืน จำเลยกับพวก 2 คนที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้องและหลบหนี ได้บังอาจร่วมกันวางเพลิงโดยใช้น้ำมันก๊าดราดใส่และจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของเรือนจำกลางคลองเปรม จนไฟได้ลูกลามไหม้พระบรมฉายาลักษณ์พร้อมโครงไม้,เหล็กและอุปกรณ์ที่ประดับจนได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 6 รายการและค่าติดตั้ง 1 รายการ รวมเป็นความเสียหาย ทั้งหมด 60,000 บาท ซึ่งขณะเกิดเหตุประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และรัฐธรรมนูญมาตรา 6 บัญญัติว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ดังนั้นการกระทำของจำเลยกับพวกข้างตันจึงเป็นการกระทำอันไม่สมควรนับเป็นการแสดงอาฆาตมาดร้ายดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ทำให้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติ,ถูกดูหมิ่น,หมิ่นพระเกียรติ,ถูกลบหลู่และมีเจตนาทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของปวงชนชาวไทย ไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ อีกทั้งจำเลยได้เผยแพร่ภาพที่ไฟกำลังลุกไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 และมีการพิมพ์ข้อความด้วย โดยจำเลยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ที่ในบัญชีเฟสบุ๊กชื่อว่า The Bottom Blues ของจำเลยซึ่งเปิดเป็นบัญชีสาธารณะประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นพฤติกรรมของจำเลยจึงเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร โจท ก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ทั้งนี้ศาลประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1189/2564 เพื่อนัดสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐานต่อไป
ดังนั้นทางศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.)จึงอาศัยอ้างอิงเอาตามคำฟ้องดังกล่าวของพนักงานอัยการที่ฟ้องข้อหา "ร่วมกันขึ้นไป แต่เท่าที่ทางศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.)และประชาชนโดยทั่วไปทราบข่าวคือมีการจับกุมซึ่งเป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปว่าต้องมีมากกว่า 1 หรือ 2 คนผู้ต้องหาในคดีนี้ได้แค่ 1 คนเท่านั้น อนี่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า "รู้ตัวคนบงการวางเพลิงหน้าเรือนจำแล้ว" จึงยังเป็นที่กังขาและมีคำถามกันต่อไปว่า "แล้วผู้บงการที่ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์พูดถึงรวมทั้งผู้ที่กระทำความผิดที่เหลือมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง?
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น(เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ให้เร่งติดตามตัวผู้ด้วยข้อกังขาและคำถามดังกล่าวจึงเป็นที่มาของหนังสือฉบับนี้ เพื่อขอให้ทางสำนักงานความผิดคดี "ร่วมกันเผาพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10
ว่าขณะนี้อาจจะกำลังหลบหนีอยู่ มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่อุกอาจและย่ำยีหัวใจประชาชนคนไทย