ตำรวจไม่เชื่อ อดีต ผกก.ฝ่ายการศึกษา ภ.4 ป่วยจิตเวช เพราะเจ้าตัวมีสติรู้ตัวดี เตรียมส่งตัวฝากขังศาลพรุ่งนี้ ขณะที่ชั้นพนักงานสอบสวน ไม่ค้านประกันตัว แต่ครอบครัวยังไม่มายื่นคาดจะไปยื่นที่ศาลพรุ่งนี้ ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ ตำรวจคุมตัวแผนประกอบคำรับสารภาพ จากกรณีที่ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ กำลังตำรวจฝ่ายสืบสวน ของ บก.น.9 พร้อมกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หลักสองนำกำลังเข้า จับกุม พันตำรวจเอกพันธุ์ศิริ ศรีเพ็ญ (นรต.34) อดีต ผกก.ฝ่ายบริการศึกษา ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 283/2564 ลงวันที่ 19 มิ.ย.64 ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ พร้อมของกลางรถยนต์ฟอร์ด รุ่นเอเวอร์เรส ไททาเนียม สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 5 กจ 6813 กรุงเทพมหานคร มูลค่าประมาณ 1.7 ล้านบาท ที่ได้มาจากการวิ่งราวทรัพย์เต๊นท์รถมือสอง โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในซอยบางแวก 81 ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุเข้าไปทำทีขอดูรถของกลาง กับพนักงานที่เต๊นท์รถยนต์มือสอง บิ๊กออโต้ (PJ Car) ถนนกาญจนาภิเษก จากนั้นได้วางแผนให้พนักงานขายสตาร์ทรถลองเครื่องยนต์ แล้วอาศัยจังหวะเผลอขับรถหลบหนีออกมา มุ่งหน้าไปทาง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง ก่อนจะสามารถสืบสวน และติดตามจับกุมได้ที่บ้านพักย่านบางแวก 81 ซึ่งจากการสอบสวน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่ทำไปเพราะไม่รู้สึกตัว เนื่องจากขาดยาหลายชนิดที่กินรักษาอาการป่วยอยู่หลายโรค ก่อนจะได้สติหลังถูกจับกุม ขณะที่จากการตรวจสอบพบประวัติ เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว เมื่อปี พ.ศ.2558 จากในพื้นที่ สน.ตลิ่งชัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2558 โดยก่อเหตุวางแผนเข้าไปซื้อรถยนต์มือสอง ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด สีขาว ทะเบียน 3 กว 7405 กรุงเทพมหานคร มูลค่า 6.9 แสนบาท จากเต๊นท์รถยนต์มือสองชื่อสยามคาร์ การ์เด้น จำกัด ถนนบรมราชชนนี ก่อนจะก่อเหตุใช้สเปรย์ดับกลิ่นกายฉีดใส่หน้าพนักงานประจำเต๊นท์ จนต้องวิ่งหนีตาย จากนั้นได้ขับรถไปจอดไว้ที่โรงแรมเวียงใต้ ถนนข้าวสาร จนชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ได้ติดตามจับกุมตัวได้ในวันรุ่งขึ้นโดยครั้งนั้นเจ้าตัวถูกดำเนินคดีชิงทรัพย์ ติดคุกนาน 5 ปี จนพ้นโทษออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (20 มิ.ย.)พันตำรวจเอกวงกต สุวรรณวัตน์ ผู้กำกับการ สน.หลักสอง ระบุว่า ภายหลังจากชุดสืบสวนสอบสวนจับกุม พันตำรวจเอกพันธ์ุศิริ ศรีเพ็ญ อายุ 62 ปี อดีตผู้กำกับการฝ่ายบริการการศึกษาศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรีลงวันที่ 19 มิถุนายนในข้อหาวิ่งราวทรัพย์พร้อมของกลางรถที่วิ่งราวมาจากเต็นท์รถมือสอง ซึ่งจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในซอยบางแวก 81 เขตภาษีเจริญ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนขโมยรถคันดังกล่าวมาจากเต็นท์รถมือสองจริง แต่ทำไปเพราะมีอาการทางจิตไม่สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะและร่างกายในการก่อเหตุได้ ส่วนสาเหตุและรายละเอียดอื่นๆผู้ต้องหาไม่ยอมให้การใดๆ จึงต้องนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติมในช่วงสายของวันนี้เพื่อให้สงบสติอารมณ์ให้ได้ก่อนในระดับหนึ่ง ซึ่งจากการสังเกตพบว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีลักษณะอาการไม่มีสติรู้ตัว เพราะยังสามารถให้การได้ตามปกติไม่ได้ให้การวกวนเหมือนกับผู้ต้องหาที่มีอาการทางจิตรายอื่นๆ และสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ของตนเองได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้จากแผนประทุษกรรมของผู้ต้องหาค่อนข้างครบถ้วนในเรื่องพยานหลักฐาน ไปยังขาดเรื่องรายละเอียดคำให้การของผู้ต้องหาจึงต้องสอบปากคำให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ และจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาธนบุรีในช่วงเช้าหรือบ่ายวันพรุ่งนี้ (21 มิ.ย.) ขณะที่พันตำรวจโทวัชรพัฒน์ เรืองอัครนนท์ รองผู้กำกับการ สอบสวน สน.หลักสอง ระบุว่า จากการสอบปากคำมาตลอดคืน พนักงานสอบสวน เชื่อว่าผู้ต้องหามีสติครบถ้วนไม่มีความจำเป็นต้องมีการเรียกสอบครอบครัว หรือต้องสอบปากคำแพทย์ ถึงอาการการป่วยทางจิต ตามที่มีการตั้งประเด็นไว้ก่อนหน้านี้ เพราะเชื่อว่าขณะก่อเหตุมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เพราะสามารถลำดับเหตุการณ์ได้อย่างครบถ้วน ส่วนเรื่องการประกันตัว ในชั้นสอบสวนจะไม่มีการคัดค้านการประกันตัว แต่จนถึงขณะนี้ ทางครอบครัวยังไม่มีการติอต่อมาเพื่อประกันตัวแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าจะมีการยื่นประกันตัวในชั้นศาล ด้านเจ้าของเต๊นท์รถ ระบุว่า ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้เข้ามาขอดูรถ ที่เต๊นท์ โดยตอนแรกขอดูรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่น แคมรี่ ก่อนจะขอเปลี่ยนรถ มาเป็นฮอนด้า รุ่นแอ็คคอร์ด และสุดท้ายมาขอดูรถคันเกิดเหตุเพราะ สองคันก่อนหน้า ใช้กุญแจระบบคีย์เลท ไม่ต้องเสียบกุญแจ ซึ่งเมื่อมาถึงคันที่ก่อเหตุ ที่จอดอยู่บริเวณหน้าเต๊นท์ ใกล้ทางออก ก็ทำทีขอดูออฟชั่นของรถ ก่อนจะขึ้นไปนั่งและพูดคุยรายละเอียด ว่าจะทำเรื่องผ่อนกับไฟแนนซ์ แต่ยังไม่ถึงขั้นต่อรองราคา หรือแสดงบัตรใดๆ ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาขึ้นไปนั่งที่หลังพวงมาลัย ก็แจ้งว่าขอลองเสียงรถ และขอดูว่าแอร์เย็นหรือไม่ ขณะนั้น พนักงาขายได้ยืนที่ข้างประตู ซึ่งเมื่อพนักงานติดเครื่องรถยนต์ได้ ผู้ต้งหาก็ปิดประตูใส่พนักงานและขับรถพุ่งออกและหลบหนีไป ทางพนักงานจึงได้ไปแจ้งเจ้าของเต๊นท์รถและดำเนินการแจ้งความ เจ้าของเต๊นท์ ยังระบุอีกว่า ท่าทีของชายคนดังกล่าวดูปกติดี มีการเดินสอดส่องตามรถต่างๆ โดยเน้นที่ระบบกุญแจของรถว่าคันใดเป็นระบกุญแจเสียบปกติหรือคันใด ที่เป็นระบบกุญแจคีย์เลท ก่อนที่จะเดินมาหาพนักงาน ส่วนการเดินทางมาของผู้ต้องหาไม่เห็นว่ามีการขับรถหรือมีใครมาส่ง เพราะเห็นว่าเดินเท้ามายังที่เต๊นท์ ขณะที่ในช่วงบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวน สน.หลักสอง ได้มีการคุมตัว ผู้ต้องหามาดำเนินทำแผนระกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ พร้อมกับเตรียมคืนรถยนต์ของกลางที่ถูกวิ่งราวทรัพย์ไป ให้กับเจ้าของเต๊นท์ที่เกิดเหตุอีกด้วย