เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล​ แถลงว่า จากกรณีปลัดกระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือราชการถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้แต่ละจังหวัดจัดสรรวัคซีนให้กับพนักงานและครอบครัวของพนักงานบริษัทเอกชนรายหนึ่ง รวม 71,445 คน โดยอ้างว่าเป็นการจัดสรรให้กับบริษัทภาคเอกชนที่มีภารกิจและโครงสร้างการดำเนินงานในส่วนภูมิภาคมีบุคลากรปฏิบัติหน้าที่อยู่ในหลายจังหวัด โดยในรายละเอียดพบว่ามีการขอให้จัดสรรวัคซีนใน กทม. รวม 19538 ราย ชลบุรี 2,725 ราย นครปฐม 2,616 ราย และราชบุรี 1,039 ราย แต่ 4 จังหวัดนี้ยังพบปัญหาการเลื่อนการฉัดวัคซีน และมีปัญหาผู้ตกค้างจำนวนมาก โดยเฉพาะการเลื่อนฉีดวัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม จึงขอให้รัฐบาลให้ข้อมูลเพิ่มเติม คือ 1.สต๊อกวัคซีน ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจัดหวัดให้จัดสรรให้บริษัทเอกชนนั้น เป็นสต๊อกวัคซีนที่กันเอาไว้ต่างหาก หรือเอาวัคซีนจากหน้างาน 2.พนักงานของบริษัทเอกชนและครอบครัวของพนักงานของบริษัทเอกชนหลายแห่งน่าจะมีการจองคิวลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านแอพลิเคชั่นต่างๆ หรือช่องทางอื่นๆ ได้มีการจัดฐานข้อมูลเพื่อไม่ให้รายชื่อชำซ้อนกันหรือไม่ เพราะหนึ่งคนอาจจะมีการลงทะเบียนฉีดวัคซีนหลายช่องทาง หากซ้ำกันจะมีปัญหาการจัดการสต๊อกในระยะยาวได้ 3.มีบริษัทที่ขอสนับสนุนรูปแบบนี้อีกกี่บริษัท และมีปริมาณเท่าไหร่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้สำคัญมาก หากไม่มีการกันสต๊อกวัคซีนสำหรับโครงการแบบนี้ต่างหาก แต่หักจากสต๊อกวัคซีนจากโครงการที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมจะทำให้เกิดปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผู้รับผิดชอบที่แท้จริงเรื่องนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ หลังจากมีมติ ครม. รวบอำนาจ  31 พ.ร.บ.ไว้ในมือ จึงขอเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงในเรื่องดังกล่าว เพราะหากเรื่องเหล่านี้ไม่อยู่ในขอบเขตการบริหารจัดการ จะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และปัญหาจะสะสมเป็นดินพอกหางหมูจนเป็นปัญหาใหญ่ ทำให้การจัดการสต๊อกและการฉีดวัคซีนสะดุด ทำให้บุคลากรการแพทย์ และประชาชนเองก็เดือดร้อน