ตำรวจภาค 3 โชว์รวบแก๊งลักเครื่องยนต์คูโบต้า ส่งร้านอุปกรณ์การเกษตรดัดแปลงขายเป็นของมือสอง ซ้ำเติมความเดือดร้อนเกษตรกร เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 มิ.ย.64 ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภาค 3 พร้อมพล.ต.ต พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา ,พล.ต.ต. ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ ,พ.ต.อ. ณรงค์ เสวก รอง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมแถลงผลจับกุมเครือข่ายลักเครื่องมือทางการเกษตร “เครื่องยนต์คูโบต้า” ในเขต อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา และ อ.บำเหน็จณรงค์ จ. ชัยภูมิ ผู้ต้องหา 6 คน มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ชัยภูมิ คือ นายอภิชาติ สมจิต อายุ 34ปี ,นายปิติ แจ่มใส อายุ 40 ปี ,นายพูน พิศจำรูญ อายุ 42ปี ,นายสมคิด หรือช้าง สิงห์สระน้อย อายุ 46ปี ,นายวุธชัย หรือท๊อป มูลสันเที๊ยะ อายุ 30ปี และเฮียศรัธา ฯ นามสมมุติ อายุ 61 ปี พร้อมของกลางเครื่องยนต์คูโบต้า จำนวน 32 เครื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ฯ ผบช.ภาค 3 เปิดเผยพฤติกรรมของคดีว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ด่านขุนทด รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ถูกคนร้ายโจรกรรมเครื่องยนต์คูโบต้า จากการร่วมสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่ากลุ่มคนร้ายมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ โดยได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในเขต เซฟตี้โซน พบเห็นรถปิกอัพต้องสงสัยจำนวน 1 คัน ด้านหลังกระบะบรรทุกเครื่องยนต์คูโบต้าไว้มุ่งหน้าไปทาง อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่จึงประสานกับฝ่ายสืบสวน สถานีตำรวจภูธรบำเหน็จณรงค์ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเขต เซฟตี้โซน พบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวได้วิ่งมาในพื้นที่ของสถานีตำรวจภูธรบำเหน็จณรงค์ และสามารถจับภาพรถต้องสงสัยได้ไปหยุดที่บริเวณหน้าร้านขายอุปกรณ์ทางการเกษตรช่วงเวลาหนึ่ง แล้วขับออกจากพื้นที่ไป พ.ต.อ.ภูไท เชาว์สูงเนิน ผกก.สภ.ด่านขุนทด พร้อมฝ่ายสืบสวน ฝ่ายปกครองอำเภอด่านขุนทด และผู้เสียหาย ร่วมกันกับสถานีตำรวจภูธรบำเหน็จณรงค์ เข้าตรวจสอบบริเวณร้านดังกล่าว พบ เฮียศรัธา ฯ เจ้าของร้าน และคนงานจำนวน 3 คน กำลังร่วมกันลงมือชำแหละเครื่องยนต์คูโบต้าอยู่ จึงได้นำตัวคนงานทั้ง 3 คนมาสอบสวน ให้การรับสารภาพว่าเครื่องยนต์ที่นำมาชำแหละและดัดแปลงสภาพ ก่อนนำมาวางขายต่อในราคามือสอง ร่วมกันก่อเหตุจำนวน 4 คน มีผู้ต้องหาเพิ่มเติมคือ นายธวัชชัย หรือบอย ศิริทัน อายุ 39 ปี และนายสมชาติ หรือ ชาติ สิงห์สระน้อย อายุ 39 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ ทั้ง 2 ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลการจับกุม โดยยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสีคิ้วออกหมายจับเจ้าของร้านขายอุปกรณ์การเกษตรและตรวจค้นบริเวณภายในร้าน ตรวจยึดอุปกรณ์อะไหล่เครื่องยนต์และอุปกรณ์อื่นๆ อีก 25 ชิ้น เพื่อทำการตรวจสอบตามฐานความผิด ร่วมกันลักทรัพย์ฯ หรือรับของโจร ล่าสุด “เฮียศรัทธา” ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหา ร่วมกันก่อเหตุในเขต อ.ด่านขุนทด ฉวยโอกาสช่วงกลางวัน ออกตระเวนหาเครื่องยนต์โบต้าของชาวบ้านที่นำไปสูบน้ำ หรือรถไถนาที่ถูกจอดไว้ในบริเวณแปลงนาหรือริมคลองน้ำ เริ่มก่อเหตุเวลากลางคืน ใช้รถปิกอัพเป็นยานพาหนะโจรกรรมเครื่องยนต์คูโบต้าของชาวบ้าน แล้วนำไปขายต่อให้กับร้านขายอุปกรณ์ทางการเกษตรในเขต อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ราคาเครื่องละประมาณ 5,000 - 7,000 บาท จากนั้นเจ้าของร้านให้คนงานทำการถอดชำแหละเครื่องยนต์แปรสภาพเป็นเครื่องยนต์มือสอง วางขายหน้าร้าน ในราคาประมาณ 2 หมื่นบาท เริ่มแต่ต้นปี พ.ศ. 2564 ในเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา แยกเป็น สภ.ด่านขุนทด 9 เครื่อง สภ.เทพารักษ์ 3 เครื่อง และ สภ.หินดาด 1 เครื่อง รวมจำนวน 13 เครื่อง พื้นที่จังหวัดชัยภูมิ แยกเป็น สภ.จตุรัส 3 เครื่อง สภ.ชับใหญ่ 2 เครื่อง สภ.เทพสถิต 4 เครื่อง สภ.หนองบัวโคก 3 เครื่องสภ.บำเหน็จณรงค์ 3 เครื่อง สภ.หัวทะเล 2 เครื่อง และ สภ.หนองบัวระเหว 2 เครื่อง รวมจำนวน 19 เครื่อง ขณะนี้ตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร มีของกลางเครื่องยนต์การเกษตรที่ใช้สำหรับสูบน้ำ ไถไร่ไถนา ยี่ห้อคูโบต้า ถูกถอดชิ้นส่วนชำแหละแยกอะไหล่ หรือดัดแปลงเป็นเครื่องใหม่ และควบคุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล ดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ มีโทษจำคุกวาระละ 7 ปี ขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเร่งติดตามเครื่องยนต์ที่สูญหาย นำมาคืนให้เกษตรกรให้ได้มากที่สุด ด้านนางสาคร มูลสูงเนิน อายุ 49 ปี ชาวนาหมู่ 2 ต.บ้านแปรง อ.ด่านขุนทด นครราชสีมา ผู้เสียหาย เผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้เครื่องยนต์กลับคืน ที่ผ่านมาได้รับความเดือดร้อนมาก หลังถูกโจรขโมยเครื่องสูบน้ำ มูลค่ากว่า 2 หมื่นบาท ซึ่งตนตั้งใจนำมาใช้สูบน้ำเข้าพื้นที่นาเพื่อการเพาะปลูก ต้องกู้หนี้ยืมสินหาเงินมาซื้อเครื่องใหม่มาใช้ทดแทน คนร้ายไม่น่ามาซ้ำเติมความทุกข์ยากลำบากของชาวไร่ชาวนา ในสถานการณ์นี้ วิงวอนอย่าทำแบบนี้อีกเลย ไม่ช่วยทำให้รวยขึ้น และต้องติดคุกแน่นอน ทำงานหากินสุจริตดีกว่า