ชี้ส่วนใหญ่ต้นตอจากผู้ปกครอง ยันยังไม่พบการแพร่ระบาดในรร. ประชุมร่วมกรมอนามัย เผยฉีดวัคซีนให้ครูแล้วกว่าแสนคน และรร.99.6% ผ่านประเมิน Thai Stop Covid Plus แต่ยังมีกลุ่มเสี่ยงหลุดรอดเข้ามาในรร.ได้ ย้ำเฝ้าระวังจริงจัง นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้หารือร่วมกับนพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยนายสุภัทรกล่าวว่า หลังจากเปิดภาคเรียนมาตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีครูและนักเรียนติดเชื้อโควิด 19 เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด ส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อจากผู้ปกครอง ยังไม่พบว่ามีการติดเชื้อจากนักเรียนกับนักเรียน กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จึงได้บูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการตรวจและติดตามประเมินผลการจัดการเรียนการสอน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการทั้งสองกระทรวง โดยศึกษาธิการภาคร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข ทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบ ติดตาม การดำเนินการตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังของกรมอนามัย เพื่อดูว่าแต่ละโรงเรียนได้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังของกรมอนามัยหรือไม่ จากนั้นจะต้องสร้างความเข้าใจและเพื่อหามาตรการป้องกันต่อไป นางเกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้ตรวจราชการ ศธ. และโฆษก ศธ. กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่ต้องดำเนินการให้มีความเข้มข้นในขณะนี้ คือ ขอให้ทุกคนประเมินความเสี่ยงผ่านระบบไทยเซฟไทย (Thai Save Thai) ด้วยตนเองก่อนออกจากบ้านทุกวัน เพื่อประเมินความเสี่ยงการแพร่เชื้อให้กับคนอื่น ซึ่งจะต้องย้ำให้โรงเรียนเฝ้าระวังและปฏิบัติตามอย่างจริงจัง รวมถึงการล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม รวมถึงการดำเนินตามแผนเผชิญเหตุและการเฝ้าระวัง ติดตาม แนวทางการปฏิบัติ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด ทั้งนี้ รัฐบาลและ ศธ.ได้เห็นความสำคัญของครู จึงได้มีการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้กับครู เป็นอันดับต้นๆ โดยขณะนี้มีครูได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 1 แสนคน ด้านนพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ภาพรวมโรงเรียนทุกแห่งค่อนข้างดำเนินการตามมาตรการตามที่กรมอนามัยกำหนด ซึ่งก่อนเปิดเทอมโรงเรียนต้องประเมินผ่านเกณฑ์ Thai Stop Covid Plus หรือ TSC+ โดยมีโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวกว่า ร้อยละ 99.6 แต่ยังมีนักเรียนและครูที่มีความเสี่ยงสูง หลุดเข้ามาในพื้นที่โรงเรียน เนื่องจากทำการประเมินความเสี่ยงผ่านระบบไทยเซฟไทย (Thai Save Thai) ไม่ครบถ้วน ดังนั้นจึงต้องมีการลงพื้นที่ตรวจร่วมกันของทั้งสองกระทรวง เพื่อติดตามให้โรงเรียนปฏิบัติตามมาตรการและแผนการเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่องด้วย