เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตรร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบกที่สนับสนุนกำลังพลและอากาศยานในการปฏิบัติการทำฝน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่การเกษตรต่างๆ โดยได้มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 13 หน่วยฯ กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค และถึงแม้ว่าขณะนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนเป็นระยะเวลา 1 เดือนแล้ว แต่ในหลายพื้นที่ที่เริ่มทำการเพาะปลูกไปแล้วต้องเผชิญกับปัญหาปริมาณฝนที่ลดลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูก ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการติดตามภารกิจของกรมฝนหลวงอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งสั่งการและเน้นย้ำให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหารุนแรง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 7 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ สระบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สระแก้ว พัทลุง เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักในพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยเล็ง อ่างเก็บน้ำคลองสียัด นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในส่วนของการติดตามสภาพอากาศเพื่อวางแผนการปฏิบัติการ ฝนหลวงในช่วงเช้าวันนี้ จากผลการตรวจสภาพอากาศจากสถานีเรดาร์ฝนหลวงทั่วประเทศ พบว่า มีบริเวณพื้นที่ภาคกลาง เข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง ในเช้าวันนี้จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 2 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ดังนี้ -หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.กาญจนบุรี มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มรับน้ำ จ.กาญจนบุรี -หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ลพบุรี มีเป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ชัยนาท และจ.อุทัยธานี อย่างไรก็ตาม อีก 11 หน่วยปฏิบัติการ จะยังคงติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100