หลังยอดตายดีดกลับ ขณะยอดป่วยหนัก-โคม่ากลับเพิ่มใหม่ ชี้นอกจากสายพันธุ์อินเดียที่ระบาด ปัญหากลุ่มแรงงานข้ามชาติก็ยังคุมไม่ได้ หวั่นมีระลอกสี่ รวมทั้งการประกาศของนายกฯ ขีดเส้น 4 เดือน ยิ่งน่ากลัวคูณสอง
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ “หลงดีใจได้สามวันติดกัน ที่ตัวเลขผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตเป็น 10+ แต่วันนี้หน้าหงายเมื่อดีดกลับไปที่ 40+ หวังลึกๆ ให้เป็นการกระเด้งดีดกลับทางเทคนิคเหมือนดัชนีตลาดหุ้น กลัวแต่ว่ามันจะลุกลามต่อไปเป็นการระบาดรอบใหม่ เนื่องจากยอดผู้ป่วยในเขตกทม.และปริมณฑลไม่ยอมลดต่อ แถมยอดผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจที่เติมเข้ามาในรพ.หลักกลับมาเพิ่มใหม่หลังดีใจได้ไม่กี่วัน ส่วนตัวแล้วคิดว่าอาจเป็นจาก
1. มีการระบาดของเชื้อสายพันธุ์อินเดีย เนื่องจากเชื้อสายพันธุ์ที่เข้ามาใหม่จะแสดงความรุนแรงทั้งในการแพร่กระจายง่ายและรุนแรงในแง่ของการเจ็บป่วย
2. การควบคุมการแพร่กระจายในกลุ่มแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายยังทำไม่ได้ดีพอ ส่งผลให้มีการลุกลามออกมาสู่ชุมชนคนไทยรอบข้าง กลุ่มก้อนนี้คงไม่สามารถจัดการได้ด้วยระบบปฏิบัติการปกติ เนื่องจากอยู่นอกเหนืออำนาจของหน่วยงานเฉพาะต่างๆ ที่มีอยู่ แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายนี้น่าจะแทรกซึมเป็นวงกว้าง ตั้งแต่งานบริการในครัวเรือน กิจการขนาดเล็ก ไปจนถึงสถานประกอบการขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และขนาดยิ่งใหญ่ หลายคนมองไปถึงการบริหารจัดการแบบสมุทรสาครโมเดล แต่ในครั้งนั้นมีการบูรณาการดำเนินงานทั้งจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกจังหวัด รวมถึงงบประมาณในการดำเนินการที่เพียงพอเพราะไม่มีการระบาดในจังหวัดอื่นมากนัก มาถึงตรงนี้แล้ว อาจต้องพึ่งอำนาจพิเศษหรือมือที่มองไม่เห็น เพราะหากไม่รีบดำเนินการตัดตอนเรื่องนี้ให้ดี เกรงว่าวิกฤตโควิดระลอกสี่จะหนีไม่พ้น
ที่น่ากลัวคูณสองหรือมากกว่านั้น คือปัญหาข้อ1. และข้อ 2. มีการเชื่อมโยงกัน !!! ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงการผ่อนผันมาตรการควบคุมโรคในกทม.ที่เพิ่งประกาศไปโดยไม่บอกถึงรายละเอียดมาตรการกำกับดูแลให้เป็นจริง หรือมาตรการเปิดประเทศใน 120 วันที่เพิ่งประกาศวันนี้โดยหวังจะใช้แต่วัคซีนเป็นคำตอบสุดท้าย ทำให้เสียวสันหลังวาบอยู่พิกล
วานซืนได้ไปเยี่ยมทีมโควิดรพ.กลาง ถิ่นเก่าที่เคยไปทำงานเมื่อ 37 ปีก่อน ได้ร่วมเดินดูการจัดเตรียมสถานที่พร้อมกับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยปอดอักเสบโควิดกันอย่างเมามัน พร้อมได้จัดหาอุปกรณ์การแพทย์บำรุงขวัญและกำลังใจเท่าที่ทำได้ วันนี้ได้มาเยือนทีมโควิดรพ.ตากสินถิ่นที่เคยเนาในอดีตพร้อมรพ.กลาง ที่นี่หนักไปทางปรึกษาหารือเรื่องผู้ป่วยกันเสียมากกว่า เพราะทีมงานที่นี่ดูจะช่ำชองกรำศึกมาอย่างโชกโชนแล้ว หวังว่าทั้งสองที่จะอดทนฝ่าฟันงานหนักกันต่อไปไม่ด่วนล้มลงเสียก่อน เพราะยังให้คำตอบพวกเขาไม่ได้หนักแน่นพอว่าเหตุการณ์เยี่ยงนี้จะยุติหรือบรรเทาเมื่อไร
หลังจากถ่างตาหลับๆ ตื่นๆ รอชมผลงานแปดทีมยุโรปในดวงใจจนครบถ้วนนัดแรกไปเมื่อเช้ามืดวันนี้ ขอจัดลำดับทีมที่อยากให้เป็นแชมป์เรียงลำดับไป คือ อิตาลี ฝรั่งเศส โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน แต่หากจะให้สิ่งมีชีวิตอื่นช่วยสุ่มหาแชมป์ ปีนี้คงไม่ใช่ปลาหมึกหรือสัตว์ประหลาดใดๆ คงหนีไม่พ้นเจ้าเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 เพราะมันกุมชะตาชีวิตมนุษยชาติมากว่าปีครึ่งแล้วยังไม่ยอมคลาย
#ชักกังวลว่าอาจจะมีวิกฤตโควิดระลอกสี่”