SAPPE เดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) กลิ่นเทอร์ปีน นำเอากลิ่นเทอร์ปีนซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด ส่งผลดีต่อสุขภาพ ชิมลางก่อนที่กฎหมายจะปลดล็อกให้ใช้พืชกัญชา เพิ่มทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะสายเขียวทั้งหลาย พร้อมวางแผนทยอยออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 SKUs ในครึ่งปีหลัง ผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโต 10-15%
น.ส.ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ถือเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำเครื่องดื่ม Functional Drink ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ที่เน้นนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในเครื่องดื่มอย่างแท้จริง โดยบริษัทฯ ได้หยิบเอาสินค้าที่เคยเป็นกระแสโด่งดังกลับมาเพิ่มสีสันด้วยการผสมนวัตกรรม กลิ่นกัญชา (เทอร์ปีน) ซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม นำมาสร้างความแปลกใหม่และเพิ่มทางเลือกใหม่ๆให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจ และอยากทดลองกลิ่นเทอร์ปีนในเครื่องดื่ม ถือเป็นการชิมลาง ก่อนที่กฏหมายจะปลดล็อกให้ใช้พืชกัญชาได้ในอนาคต
โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัว เครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) กลิ่นเทอร์ปีน และสารสกัดจากลาเวนเดอร์ คาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน ซึ่งทีมงานได้ใช้เวลาและความพยายามในการคิดค้นและพัฒนาสินค้าให้มีกลิ่นและรสชาติที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด หวังเอาใจสายเขียวทั่วประเทศ ซึ่งกลิ่นเทอร์ปีนช่วยเสริมในเรื่องการผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด ส่งผลให้สุขภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้น สารสกัดจากลาเวนเดอร์ทำให้คลายความวิตกกังวล และคาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน จะช่วยลดความเครียด ช่วยให้นอนหลับสบาย รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่มีส่วนผสมจากน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ อร่อย สดชื่น ดื่มง่ายได้ทุกวัน ให้ความรู้สึกสนุกกว่าเดิม ในราคาเพียงขวดละ 20 บาท วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ
โดยหลังการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ สูตรกรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) ถือว่าได้รับผลตอบรับดีมาก สามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และขยายครอบคลุมได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามบริษัทเตรียมทยอยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องกว่า 20 SKUs ในช่วงที่เหลือของปีนี้
ขณะที่ภาพรวมตลาดในต่างประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น แม้ยังต้องเผชิญกับปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แต่หลายๆ ประเทศทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป โดยเฉพาะการส่งออกไปอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่เข้าสู่ช่วง High Season ขณะที่รายได้ในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกยังคงทรงตัว อย่างไรก็ตามคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง และจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15%