เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการมีเอกสารแอบอ้าง นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ อดีต ส.ส. ของพรรค ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเหรัญญิกพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความเสียหายมาก โดยเอกสารดังกล่าวอ้าง ฝากเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน กทม. หนังสือดังกล่าวเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ มีการใช้ลายเซ็นปลอม ใช้สัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ และนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์เพื่อตัดต่อ ตกแต่ง รวมไปถึงการใช้ตราพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งไม่ถูกต้องตามข้อบังคับพรรค ทั้งนี้ นายราเมศ ได้ระบุว่า เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวตั้งแต่ชื่อเรื่องก็ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีหน้าที่ดูแลเด็ก และเยาวชนที่เป็นนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศ ดังนั้นจึงไม่มีกรณีพิเศษ ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษที่จะมาอยู่ในความดูแลของพรรคได้ นอกจากนี้เนื้อหาในเอกสารมีความขัดแย้งกันหลายอย่าง โดยเฉพาะนายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ นั้น เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงศึกษาธิการ จึงไม่มีความจำเป็นต้องฝากให้ผู้อำนวยการโรงเรียนรับนักเรียนเข้าศึกษาด้วย “ตราพรรค เป็นตราที่นำมาจากอินเทอร์เน็ต ลายเซ็นก็เป็นลายเซ็นปลอม เพราะฉะนั้นการปลอมเอกสารทั้งฉบับมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งนายสุทธิ ได้ดำเนินการแจ้งความไว้แล้ว และเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นวานนี้ตามที่สื่อมวลชนได้ลงข่าว เพราะเมื่อนายสุทธิได้รับทราบว่าถูกใส่ร้ายก็ได้มาเข้าพบผมทันที โดยหนังสือฉบับนี้ลงวันที่ 22 พ.ค.64 แต่มาถึงโรงเรียนต่างๆ 10 กว่าโรง ในวันที่ 31 พ.ค.64 และ ผอ.โรงเรียนแต่ละโรง ได้รับทราบเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 เมื่อ ผอ.โรงเรียนทุกคนได้ประสานกลับมาที่นายสุทธิ พร้อมกับไม่เชื่อว่าหนังสือฉบับนี้เป็นฉบับที่นายสุทธิทำขึ้นเพื่อยื่นไปยัง ผอ.โรงเรียน”นายราเมศ กล่าว พร้อมกับระบุอีกด้วยว่า เมื่อใครโดนแบบนี้ เมื่อตัวเองไม่ได้เป็นคนทำเอกสารเหล่านี้ อีกทั้งเป็นข้อความปลอมขึ้นทั้งฉบับ และก่อให้เกิดความเสียหาย พาดพิง คุณหญิงกัลยา และพาดพิงการทำงานของพรรค ก็จะอยู่เฉยไม่ได้ ดังนั้นในวันที่ 2 มิ.ย.64 ทีมงานของนายสุทธิ จึงได้รวบรวมเอกสารจาก ผอ.โรงเรียนต่างๆ และเดินทางเข้ามาพบกับตน แล้วร่วมกันร่างสำนวนเพื่อแจ้งความที่ สน.บางซื่อ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.64 เวลา 11.43 น. เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์ เนื่องจากเอกสารดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายกับนายสุทธิ และพรรคประชาธิปัตย์ และนอกจากได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางซื่อแล้ว ยังได้ประสานไปยัง สนง.ไปรษณีย์สามเสน เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เนื่องจากทราบว่ามีการส่งเอกสารดังกล่าวส่งจากไปรษณีย์สามเสนอีกด้วย สำหรับในส่วนของการดำเนินการเอาผิดกับบุคคลดังกล่าว แยกเป็น 2 กรณี คือ กรณีของนายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายและได้รับผลกระทบ ซึ่งมีการแจ้งความไว้แล้ว ดังนั้นในฐานะส่วนตัว จะทำให้ผู้ปลอมเอกสารดังกล่าวมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ฐานปลอมลายเซ็น และปลอมเอกสารขึ้นทั้งฉบับ นอกจากนี้เมื่อเอกสารชิ้นดังกล่าวถูกเสนอเป็นข่าว ยังมีบุคคลอาศัยช่องทางโซเชียลมีเดียใส่ร้าย โจมตี ด้วยเอกสารปลอมฉบับนี้เป็นการตั้งต้น ส่งผลให้นายสุทธิ และพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหาย ดังนั้นนายสุทธิ จึงได้ตั้งทีมทนายความขึ้น เพื่อรวบรวมรายละเอียดทั้งข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีต่อบุคคลที่นำเอกสารปลอมดังกล่าวไปขยายผลต่อ เพื่อดำเนินคดีทั้งเรื่องหมิ่นประมาท และตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สำหรับในส่วนของสำนักข่าวที่มีการนำเอกสารดังกล่าวไปเสนอข่าวนั้น ทีมทนายของนายสุทธิจะดูรายละเอียดลึกลงไปถึงเจตนาในการนำเสนอข่าวด้วย สำหรับในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จากการที่มีการนำตราสัญลักษณ์ของพรรคไปดำเนินการให้เกิดความเสียหายนั้น นายราเมศกล่าวว่า ตนจะนำไปเสนอต่อคณะกรรมการกฎหมายของพรรค เพื่อพิจารณาให้มีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่จัดทำเอกสารดังกล่าว “ประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบายนี้ ไม่มีใครโง่ทำแบบนี้ แค่จั่วหัวเรื่องว่าขอความอนุเคราะห์รับนักเรียนที่อยู่ในความดูแล ผมว่าคนทำเขาคงคิดไม่ได้ ไปหาวิธีการทำอื่นเถอะ การที่จะต่อสู้เอาชนะทางการเมือง ไปเอาชนะใจพี่น้องประชาชนมาต่อสู้กัน อย่าใช้วิธีการที่สกปรกแบบนี้ และสังคมก็ไม่ควรนำข่าวเท็จ ข่าวปลอม เรื่องที่ปลอมๆ ที่เกิดขึ้นแล้วไปขยายผลต่อ โลกเปลี่ยนไปแล้ว ใช้เวลาไม่กี่วินาทีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนๆ หนึ่งมากมายมหาศาล ขอให้การใช้สื่อโซเชียลมีเดียต้องมีความระมัดระวัง” นายราเมศกล่าว ทั้งนี้ นายสุทธิ์ ปัญญาสกุลวงศ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เอกสารดังกล่าวปลอมแปลงทั้งฉบับ แอบอ้างโลโก้พรรค รูปถ่ายลายเซ็น และเนื้อหา ทำให้ได้รับความเสียหาย เมื่อได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนจึงได้ไปขอหนังสือดังกล่าวเพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีไปเรียบร้อยแล้ว และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งดำเนินการติดตามผู้กระทำความผิด หากตนได้รับเอกสารเพิ่มเติมอีกจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมกับเตือนผู้ที่ลงข้อมูลอันเป็นเท็จในสื่อออนไลน์ต่างๆ ว่าเป็นเรื่องการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งตนจะดำเนินคดีทุกรายอย่างถึงที่สุดเช่นกัน “ผมไม่เข้าใจว่าผู้ที่กระทำอย่างนี้คาดหวังอะไร เพราะอ่านจากเนื้อหาสาระเรื่องการฝากเด็กก็แค่จ่อหัวไว้ แต่เรื่องอื่นๆ นี้น่าจะเป็นการเสี้ยมให้ผมเกิดปัญหากับบุคคลอื่นด้วย ผมไปแจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย. แล้วเราก็นิ่งดูว่าของเดิมเป็นแบบออฟไลน์ แล้วให้ตำรวจตรวจสอบลายนิ้วมือ เพื่อจะดูว่าถ้าไปโผล่แบบออนไลน์แล้วใครเป็นคนเปิดเกม ผมก็ตั้งใจรอดูอยู่ว่าเรื่องนี้จะเปิดเกมเมื่อไหร่ วานนี้ก็เปิดเกมขั้นที่สองของผู้ไม่หวังดี ผู้ที่ตั้งใจทำร้ายเรา”นายสุทธิกล่าว