จากสถานการณการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ ล่าสุดมีรายงานว่าเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.64 กระทรวงสาธารณสุขของชิลีประกาศการล็อกดาวน์ภูมิภาคซันติอาโก รวมถึงกรุงซันติอาโกเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12 มิ.ย.นี้ เนื่องจากสถานการณการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เฉพาะในเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งมีประชากรมากกว่า 8 ล้านคน และยังคงน่าวิตกกังวล
ทั้งนี้การพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ของชิลี เพิ่มขึ้น 17% เมื่อคำนวณแบบทั้งประเทศ ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้นมากถึง 25% เมื่อวิเคราะห์อย่างเจาะจงเฉพาะกรุงซันติอาโกและเมืองรอบนอก ซึ่งมีประชากรรวมกันมากกว่า 8 ล้านคน คิดเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ ขณะที่อัตราการครองเตียงของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในห้องไอซียู มีสัดส่วนมากถึง 98% ยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับทุกฝ่าย ว่าระบบสาธารณสุขของประเทศ อยู่บนปากเหวของการล่มสลาย
สำหรับสถิติผู้ป่วยยืนยันในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุดของชิลี มีจำนวน 7,716 คน และผู้เสียชีวิตอีก 198 ราย ทำให้สถิติผู้ติดเชื้อสะสมจากโรคโควิด-19 ของชิลี เพิ่มเป็นอย่างน้อย 1,453,478 คน และสถิติผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 30,339 ราย
มีรายงานว่า ชิลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรมากเป็นลำดับต้นของโลก โดยประมาณ 75% ของประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โด๊ส และเกือบ 58% ได้รับวัคซีนครบ 2 โด๊สแล้ว ปัจจุบันชิลีใช้งานวัคซีนไปแล้วเกือบ 23 ล้านโด๊ส