จากกรณีที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าประเทศไทยตกขบวน COVAX ส่งผลกระทบต่อการบริหารวัคซีน และตั้งข้อสงสัยเรื่องการใช้วัคซีน Sinovac กับผู้สูงอายุ 60 ปี เป็นต้นไป และมีความกังวล เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จากการจัดหาวัคซีนจากบริษัทเอกชนนั้น
ล่าสุด นายแพทย์นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการ COVAX เป็นโครงการที่มีประโยชน์สำหรับประเทศที่มีรายได้น้อยที่จะได้รับวัคซีนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่เมื่อเข้าร่วมโครงการ ต้องชำระเงินเอง บวกกับมีค่าบริหารจัดการ เพิ่มเติมเข้ามา และวัคซีนที่ส่งมอบเกือบทั้งหมดในเวลานี้คือวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งไทยผลิตใช้ในประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เกิดประโยชน์อะไรที่จะจองซื้อวัคซีนกับ COVAX แล้วต้องจ่ายแพงกว่าการซื้อตรงจากบริษัท
และเมื่อเกิดการระบาดในประเทศอินเดียที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ของวัคซีนโครงการ COVAX ทำให้การส่งมอบวัคซีนไม่เป็นไปตามแผนของ COVAX ประเทศที่จองซื้อวัคซีนต่างได้รับวัคซีนล่าช้า
ส่วนของข้อกังวล เรื่องการนำวัคซีนแอสตร้าฯ ที่นำมาใช้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุ ทั้งที่แผนเดิม กำหนดให้ใช้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปี เป็นหลัก ขณะเดียวกันได้นำวัคซีน Sinovac มาให้บริการผู้สูงอายุด้วยนั้นขอเรียนอธิบายว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีข้อบ่งใช้ในคนอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป อยู่แล้ว เพียงแต่ในช่วงแรก ประเทศไทยได้รับวัคซีนมาเพียงแค่ 117,000 โดส จึงสงวนไว้สำหรับผู้สูงอายุ เพราะมีความเสี่ยงสูง หากได้รับเชื้อ แต่เมื่อมีวัคซีนเพิ่มมาจึงให้ใช้กับวัยรุ่น
ขณะที่ Sinovac ตอนแรกไม่มีข้อมูลการทดลองในผู้สูงอายุ จึงกำหนดข้อบ่งใช้เฉพาะ 18-60 ปี เมื่อมีข้อมูลการใช้จริงในประเทศต่างๆ ที่มีการใช้ในผู้สูงอายุแล้วมีความปลอดภัยและได้ผลดี คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงมีมติให้ขยายการใช้ในผู้สูงอายุได้
ส่วนที่มีข้อกังวลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจากการจัดหาวัคซีน Sinovac ซึ่งเป็นของเอกชน ในขณะที่ วัคซีน Sinopharm เป็นของรัฐบาลจีน กลับไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลไทยมาตั้งแต่ต้นนั้้น ตนขอย้ำว่า Sinovac เป็นวัคซีนเดียวที่สามารถส่งมอบให้กับประเทศไทยได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และเป็นการเจรจาจัดซื้อวัคซีนที่อยู่ในการดูแลของสถานทูตจีนในประเทศไทยและรัฐบาลจีนตลอด
อีกประการหนึ่งราคาวัคซีน Sinovac ถูกกว่าวัคซีน Sinopharm ทั้งที่เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายแบบเดียวกัน การตัดสินใจของรัฐบาล อยู่บนพื้นฐานของประโยชน์สูงสุดของประชาชน ความโปร่งใส และความปลอดภัยเป็นสำคัญ