"เพื่อไทย"เตรียม 35 ขุนพล ชำแหละพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ยันไม่เห็นชอบด้วย "ยุทธพงศ์"ชี้เหมือนตีเช็คเปล่า สภาฯตรวจสอบไม่ได้ จี้รัฐบาลแจงให้ชัดเอาเงินกู้ไปทำอะไร พร้อมแฉงบฯลับ เขียนมาบรรทัดเดียวแต่ได้งบฯ จี้ชะลอซื้ออาวุธ ด้าน"ปชป."นัดประชุม ส.ส.พรรค 8 มิ.ย. ถกพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน เตรียมเสนอ 4 แนวทางใช้เงินกู้สู้โควิด เชื่อเป็นประโยชน์อย่างยิ่งให้ใช้เงินคุ้มค่า ส่วน"กนก" แนะถอดบทเรียนกู้ 1 ล้านล้าน จัดลำดับความสำคัญรวดเร็วทั่วถึง ชี้พลาดซ้ำกู้เพิ่มยาก ขณะที่"ตรีรัตน์" เปิดใจยกทีมลาออกเพื่อไทย เหตุอยู่ต่อไม่ไหว เพราะถูกกก.บห.ให้คนอื่นเสียบพื้นที่แทน งง"ส.ส."โหวตสวนมติพรรคถูกคาดโทษ แต่ยังได้รับเลือกมาลงสมัคร ลำบากใจ จึงขอถอย ทำงานในนามอิสระดีกว่า
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 มิ.ย.64 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ วันที่ 9 มิ.ย.นี้ ว่า พรรคเพื่อไทยได้เตรียม 35 ส.ส.ไว้ชำแหละแล้ว เพราะไม่มีรายละเอียด เหมือนตีเช็คเปล่า สภาฯก็ตรวจสอบไม่ได้ แบบนี้พรรคเพื่อไทยไม่เห็นชอบ พ.ร.ก.ฉบับนี้ และพ.ร.ก.ฉบับนี้เป็นการเขียนไว้กว้างๆ โดยเอาไปใช้ด้านสาธารณสุข 3 หมื่นล้านบาท เยียวยาประชาชน 3 แสนล้านบาท ใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้านบาท แต่ไม่มีรายะเอียดอะไรเลยว่าเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งเป็นการจัดงบที่ไม่เหมาะสม ทำไมไม่จัดงบให้ด้านสาธารสุขให้เยอะกว่านี้
ขณะเดียวกัน เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลขอเงินกู้ไป 1 ล้านล้านบาท ขอไปใช้ด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท แต่วัคซีนของบไปเป็นปีแล้ววัคซีนอยู่ไหน จึงอยากให้เอาสัญญามาดูว่าวัคซีนซื่อราคาเท่าไหร่ ซื้อกับบริษัทอะไรบ้าง ส่งมอบอย่างไร เพราะวันนี้ประชาชนเดือดร้อนไม่มีวัคซีนฉีด คนติดเชื้อ คนตายทุกวัน แสดงให้เห็นว่ากู้เงินไปแต่บริหารจัดการไม่ได้
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่แปลกคือรัฐบาลมาขอเงินกู้เอาไปใช้ แต่ปรากฎว่าสถานทูตสหรัฐอเมริกาออกมายืนยันว่าไม่ได้บริจากแค่วัคซีน แต่สนับสนุนรัฐบาลไทยวงเงินกว่าพันล้านบาทแล้ว และจีนบริจากวัคซีนซิโนแวคลอตที่สอง 5 แสนโดส ส่งถึงไทยแล้ว ตกลงรัฐบาลขอเงินกู้เอาไปทำอะไรบ้าง เพราะไม่มีรายละเอียดอะไรมาบอกสภาฯเลย ขณะเดียวกันวันนี้วัคซีนยังไม่มี วันที่ 7 มิถุนายน จะมีวัคซีนเพียงพอให้ประชาชนหรือไม่ จะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร
นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ว่า การทำงานของ กมธ.ในสัดส่วนพรรคเพื่อไทยทั้ง 15 คน โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ นำทีม และให้กรอบไว้คือจะพิจารณาในส่วนที่เป็นงบประมาณที่ไม่จำเป็น สามารถปรับลดได้ ยังไม่เป็นเรื่องงที่เร่งด่วน ทั้งนี้เลขาพรรคได้มอบหมายงานให้ นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล กมธ.งบฯ รับผิดชอบงบด้านการศึกษา ให้ นายไชยา พรหมา รองหัวน้าพรรคฯ ในฐานะประธาคณะกรรมาธิการติดตามงบ ดูงบประมาณด้านเศรษฐกิจ โดยเน้นที่กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และตน ดูงบด้านควมมั่นคง มหาดไทย ตำรวจและกลาโหม กองทัพ และนายประเสริฐ ดูภาพรวมของงบทั้งหมด
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า แนวทางที่พรรคเพื่อไทยจะเข้าไปดูในกรณีเรื่องงบราชการลับ ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่วิกฤต งบประมาณรายได้จากากรจัดเก็บภาษี 2.4 แสนล้านบาท ไม่เพียงพอ งบประมาณบางอย่างไม่มีรายละเอียดเลย เช่นกระทรวงกลาโหมมีงบราชการลับ กองทัพบก จำนวน 290 ล้านบาท กองทัพเรือ 62 ล้านบาท กองทัพอากาศ 30 ล้านบาท สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 32 ล้านบาท กองบัญชาการทัพไทย 55 ล้านบาท และหน่วยงานอื่นอีก รวมทั้งสิ้น 470 ล้านบาท ทั้งที่ควรมีรายละเอียดออกมา ไม่ใช่มีรายละเอีดบรรทัดเดียวแล้วได้งบลับไป
นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ใช่มีแค่กระทรวงกลาโหมที่มีงบราชการลับ เพราะงบราชการงบอีกประมาณ 558 ล้านบาท ไปตั้งอยู่ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น งบราชกการลับสำนักเลขาธิการนายกฯ 60 ล้านบาท อยากถามว่าสำนักเลขาฯ มีหน้าที่อะไรถึงต้องมีงบลับ เอาไว้ทำอะไร เอาไว้ทำไอโอหรือเอาไว้ตรวจสอบนักการเมืองฝ่ายค้าน นอกจากนั้นยังมีเงินราชการลับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ 232 ล้านบาท สภาความมั่นคงแห่งชาติ 50 ล้านบาท แม้กระทั้งกระทรวงการต่างประเทศ 8 ล้านบาท ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบราชการลับ 20 ล้านบาท หรือแม้สำนักปลัดกระทรวงแรงงานก็มีงบราชการลับ จะเห็นว่าการตั้งงบไม่เหมาะสม อย่างไร ทำไมเปิดเผยไม่ได้ และแค่กลาโหมกับสำปลัดสำนักนายกฯสองก้อนนี้รวมกันก็พันล้านบาทแล้ว เป็นไปได้อย่างไร มีงบับเยอะขนาดนี้ แต่ปล่อยให้แรงงานเถื่อนเข้ามาจนเกิดโควิดระลอกสอง โควิดสายพันธ์อินเดียที่มาจากแคมป์คนงานก็มาจากแรงงานต่างด้าว
"แสดงให้เห็นว่าการใช้งบไม่สัมพันกับสถานการณ์และไม่เกิดประโยชน์สูงสุด พรรคเพื่อไทย ก็จะเข้าไปตรวจสอบงบราชการลับไม่ได้มีเฉพาะทหาร งบมหาดไทย คลังก็มี แต่ไม่มีรายละเอียดอะไรเลย" นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า งบที่พรรคพท.ต้องเข้าไปตรวจสอบคืองบการซื้ออาวุธของกองทัพ อย่างกองทัพบกมีโครงการจัดหายานเกาะล้อยางเพื่อเสริมสร้างกรมรบรูปแบบใหม่ระยะที่สองปี63-65 วงเงิน4,515 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนสามารถชะลอได้ เพราะเพื่อนบ้านเราไม่ได้มีสงครามแล้ว โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีระยะหนึ่งปี 64 ผูกพันถึงปี 66 วงเงิน 4,226 ล้านบาท โดยเป็นเฮลิคอปเตอร์ AH-6I กองทัพเรือ มีการซื้อเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ 1ลำ วงเงิน 6,185 ล้านบาท เป็นเรือจากประเทศจีนใหญ่กว่าเรือจักกรีนฤเบศรอีก เรือดำน้ำ รุ่นS26-T จากจันอีก 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท กองทัพอากาศ มีเรื่องการซื้อเครื่องบินโจมตีขนาดเบาอีก 4.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการ SPACE DOMAIN ความทรงพลังเหนือขอบฟ้าของกองทัพอากาศ ของทั้งหมดเป็นอาวุธราคาแพงจากต่างประเทศทั้งนั้น ตอนนี้ยังไม่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และขณะเดียวกันโควิดกำลังระบาดหนักเราควรที่จะระดมงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากโควิดก่อน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่างพ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ว่า ตนได้เชิญ ส.ส. ของพรรค ประชุมในวันอังคารที่ 8 มิ.ย. 2564 นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อเตรียมความพร้อมในการพิจารณา พ.ร.ก. เงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่จะมีการประชุมพิจารณา พ.ร.ก.นี้ในวันพุธที่ 9 มิ.ย. นี้
เมื่อพิจารณา พ.ร.ก. นี้ พบว่า จะนำเงินกู้ไปใช้จ่ายใน 3 ส่วนสำคัญ คือ 1.ใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุข 2.การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และ3.การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้กรอบวงเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ซึ่งการออก พ.ร.ก.เพิ่มเติมครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากที่ออก พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจากการดำเนินการตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ที่ผ่านมา พบว่ามีทั้งที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในขณะที่หลายโครงการก็ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์
เพราะฉะนั้นการใช้เงินกู้เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.ก.นี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลและ ศบค. ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1.ต้องนำการใช้เงินกู้ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนว่าอะไรบ้าง ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายอย่างที่ควรจะเป็นและเร่งปรับปรุงแก้ไข เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย 2. การดำเนินการใดๆ จากการใช้เงินกู้ที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จเป็นไปตามเป้าหมายก็อาจทำต่อไป แต่ควรมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
3.การใช้เงินกู้ครั้งนี้ ไม่ควรมุ่งเน้นแก้ปัญหาระยะสั้น หรือปัญหาเฉพาะหน้า แต่เพียงอย่างเดียว ควรให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในระยะยาวด้วย เพราะโควิด-19 อาจจะอยู่กับเรายาวพอสมควร จึงควรเตรียมความพร้อมรับมือล่วงหน้า และ4.เป้าหมายสำคัญของ พ.ร.ก. นี้ไม่ควรเป็นเพียงการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ จากโควิด-19 เท่านั้น แต่ควรสร้างความเชื่อมั่น ให้ประชาชนมั่นใจว่าภาระหนี้ที่เราต้องแบกรับร่วมกันนี้จะทำให้เราสามารถอยู่รอดปลอดภัยจากโควิด-19 ด้วยการบริหารจัดการทางด้านสาธารณสุข การเยียวยา และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสังคมอย่างนักบริหารมืออาชีพ
นายองอาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อมั่นว่าข้อเสนอนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า แก้ปัญหาได้จริง จึงขอฝากนายกรัฐมนตรี และ ศบค. ดำเนินการให้การใช้จ่ายตาม พ.ร.ก. เงินกู้ครั้งนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมต่อไป
ด้าน นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกำลังจะนำ พรก.กู้เงิน 5 แสนล้าน เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ว่า เงินกู้ส่วนนี้ประกอบด้วย 3 แผนงาน คือ 1.แผนงานแก้ไขปัญหาการระบาดละลอกใหม่ 30,000 ล้าน 2.แผนงานช่วยเหลือเยียวยา หรือชดเชยให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ 300,000 ล้าน 3.แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 170,000 ล้าน พ.ร.ก.กู้เงินนี้ไม่ต่างจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ที่รัฐบาลนำมาใช้ในปีที่ผ่านมา ดังนั้นคำถามสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนที่จะพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน คือ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านที่ผ่านมา มีปัญหาอะไรบ้างที่ควรจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ได้แก่ การใช้เงินกู้ 1 ล้านล้าน ล่าช้า ใช้ไม่หมด และส่วนที่ใช้ไปนั้นไม่ได้แก้ปัญหาตามเป้าหมายที่กำหนด คือการป้องกันและแก้ไขการระบาดไวรัสโควิด 19 ที่จัดหาวัคซีนล่าช้า มีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการ การจัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะรับรองผู้ป่วยล่าช้า การพลิกฟื้นเศรษฐกิจและสังคมไม่เกิดผลสำเร็จเพราะโครงการที่นำเสนอไม่ได้ทำให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว ส่วนการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนจัดทำได้ดีกว่าอีก 2 แผนงาน แต่กระนั้นก็มีปัญหาเรื่องความรวดเร็วและทั่วถึงประชาชนที่เดือดร้อน
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นประเด็นที่ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ที่ต้องพิจารณาคือจะสามารถแก้ไขเรื่องความรวดเร็วและทั่วถึงของการช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการที่เดือดร้อน การจัดหาวัคซีนจะรวดเร็วและมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการตามสถานการณ์การแพร่ระบาดหรือไม่ และสุดท้ายคือการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะสามารถกำหนดแนวทางและเป้าหมายการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้สำเร็จผ่านโครงการอะไร ในเรื่องอะไร แค่ไหน ถ้าจะกล่าวให้ถึงที่สุด คือ ปัญหาสำคัญของ พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 1 ล้านล้าน และ 5 แสนล้าน ไม่ได้อยู่ที่ว่าควรหรือไม่ควรกู้ เพราะทุกคนต่างเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องกู้เพื่อแก้ไขวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น แต่ปัญหากลับไปอยู่ที่ขีดความสามารถทางการบริหารของรัฐบาลว่าจะสามารถใช้เงินกู้นี้ให้ตรงเป้า รวดเร็ว โปร่งใส และเห็นผลสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
"พรก.เงินกู้ 5 แสนล้าน จึงเป็นโอกาสอีกครั้งที่รัฐบาลจะแก้ไขข้อผิดพลาดของการบริหารเงินกู้ 1 ล้านล้าน และโอกาสที่จะกู้ครั้งที่ 3 คงจะยากแล้วเพราะเงินกู้เต็มวงเงิน 60% ของ GDP ประเทศ ที่กำหนดไว้เป็นกรอบความยั่งยืนทางการคลังแล้ว ดังนั้นผมจึงขอเอาใจช่วยให้รัฐบาลประสบความสำเร็จแก้ปัญหาทั้ง 3 เรื่องตามเป้าหมายของพรก.เงินกู้นี้ครับ" นายกนก กล่าว
ทางด้าน นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตเลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส และอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ วังทองหลาง พรรคเพื่อไทย เปิดใจหลังยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทย ว่า ตนรู้สึกดีใจและภูมิใจที่เคยได้ร่วมงานใส่เสื้อในนามพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่ปี 2562 แต่จากการที่มีการปรับโครงสร้าง กรรมการบริหารพรรคที่ผ่านมาล่าสุด มีการปรับเปลี