จับตา "จุรินทร์" ประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค มัลลิกา เผย มุ่งช่วยประชาชนเข้าถึงวัคซีน-ยาเร็วที่สุด ร่วมกันลดอุปสรรคทุกทางช่วงโควิด-19
วันที่ 5 มิถุนายน 2564 เวลา 18.30 น. นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังมีการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (Ministers Responsible for Trade Meeting) มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายน 2564 ผ่านระบบประชุมทางไกล เวลาในไทย 18.00-21.00 น โดยประเทศไทยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วม การประชุม หลังจากที่เมื่อวานนี้ (4มิ.ย.)ได้ร่วมประชุมระหว่างรัฐมนตรีการค้าเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทาง ธุรกิจของเอเปค (APEC Business Advisory Council: ABAC) ผ่านระบบ Video Conference ไปแล้วที่กระทรวงพาณิชย์
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ที่ประชุมมีแผนที่จะร่วมกันออกแถลงการณ์ 3 ฉบับ มี 2 วาระ คือ การรับมือกับโควิด-19 และระบบการค้าพหุภาคี WTO โดยในส่วนของ WTO นางเอ็นโกซี ( Ngozi) ผู้อำนวยการใหญ่ WTO จะเข้าร่วม เพื่อรายงานความคืบหน้า สถานะล่าสุดการเจรจาในองค์การการค้าโลกด้วย ประเด็นที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ คือ ไทยสนับสนุนปฏิญญาเอเปคว่าด้วยการอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายสินค้าจำเป็น ซึ่งออกโดยเอเปคในปี 2563 ย้ำว่าการออกมาตรการของรัฐจะต้องไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคทางการค้า และมาตรการจำกัดส่งออกต้องสอดคล้องกับ WTO ไทยเร่งปฏิบัติตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้าของ WTO ไทยเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน และสนับสนุนแถลงการณ์เอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีน เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีน ไทยให้ความสำคัญกับแถลงการณ์เอเปคเรื่องการบริหารจัดการขนส่งและโลจิสติกส์ ไทยมีการหารือผู้มีส่วนได้เสียเพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการทางการค้า รับมือการค้ารูปแบบใหม่ส่งเสริมการค้าและความยั่งยืน ไทยสนับสนุนบทบาท WTO ในการเร่งการผลิตวัคซีน และอำนวยความสะดวกด้านวัคซีน ไทยผลักดันให้มีความคืบหน้าและข้อสรุปสำคัญในการประชุมรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 12
นางมัลลิกา กล่าวว่า สำหรับการค้าไทย-เอเปคมีความสำคัญ เพราะเอเปคเป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์อินโดนีเซีย มาเลเซีย บูรไน ฟิลิปปินส์ ไทย จีน จีนไทเป ฮ่องกง ปาปัวนิวกินี เม็กซิโก ชิลี เปรู เวียดนาม สหรัฐอเมริกา รัสเซีย โดยในปี 2563 การค้ารวมระหว่างไทยกับกลุ่มเศรษฐกิจเอเปค มีมูลค่า 315.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (9.8 ล้านล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 71.9 ของการค้ารวมไทย โดยไทยส่งออกไปเอเปค มูลค่า 164.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (5.1 ล้านล้านบาท) และนำเข้าจากเอเปค มูลค่า 150.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (4.7 ล้านล้านบาท) สำหรับในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค. – เม.ย.) ของปี 2564 การค้าระหว่างไทย-เอเปค อยู่ที่ 121.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (3.66 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 71.30 ของการค้ารวมไทย โดยไทยส่งออกไปเอเปค มูลค่า 60.96 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.82 ล้านล้านบาท) และนำเข้าจากเอเปค 60.57 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.80 ล้านล้านบาท)
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ที่ประชุมมีแผนที่จะร่วมกันออกแถลงการณ์ 3 ฉบับ มี 2 วาระ คือ การรับมือกับโควิด-19 และระบบการค้าพหุภาคี WTO โดยในส่วนของ WTO นางเอ็นโกซี ( Ngozi) ผู้อำนวยการใหญ่ WTO จะเข้าร่วม เพื่อรายงานความคืบหน้า สถานะล่าสุดการเจรจาในองค์การการค้าโลกด้วย ประเด็นที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ คือ ไทยสนับสนุนปฏิญญาเอเปคว่าด้วยการอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายสินค้าจำเป็น ซึ่งออกโดยเอเปคในปี 2563 ย้ำว่าการออกมาตรการของรัฐจะต้องไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคทางการค้า และมาตรการจำกัดส่งออกต้องสอดคล้องกับ WTO ไทยเร่งปฏิบัติตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้าของ WTO ไทยเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน และสนับสนุนแถลงการณ์เอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีน เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีน ไทยให้ความสำคัญกับแถลงการณ์เอเปคเรื่องการบริหารจัดการขนส่งและโลจิสติกส์ ไทยมีการหารือผู้มีส่วนได้เสียเพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการทางการค้า รับมือการค้ารูปแบบใหม่ส่งเสริมการค้าและความยั่งยืน ไทยสนับสนุนบทบาท WTO ในการเร่งการผลิตวัคซีน และอำนวยความสะดวกด้านวัคซีน ไทยผลักดันให้มีความคืบหน้าและข้อสรุปสำคัญในการประชุมรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 12
นางมัลลิกา กล่าวว่า สำหรับการค้าไทย-เอเปคมีความสำคัญ เพราะเอเปคเป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์อินโดนีเซีย มาเลเซีย บูรไน ฟิลิปปินส์ ไทย จีน จีนไทเป ฮ่องกง ปาปัวนิวกินี เม็กซิโก ชิลี เปรู เวียดนาม สหรัฐอเมริกา รัสเซีย โดยในปี 2563 การค้ารวมระหว่างไทยกับกลุ่มเศรษฐกิจเอเปค มีมูลค่า 315.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (9.8 ล้านล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 71.9 ของการค้ารวมไทย โดยไทยส่งออกไปเอเปค มูลค่า 164.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (5.1 ล้านล้านบาท) และนำเข้าจากเอเปค มูลค่า 150.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (4.7 ล้านล้านบาท) สำหรับในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค. – เม.ย.) ของปี 2564 การค้าระหว่างไทย-เอเปค อยู่ที่ 121.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (3.66 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 71.30 ของการค้ารวมไทย โดยไทยส่งออกไปเอเปค มูลค่า 60.96 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.82 ล้านล้านบาท) และนำเข้าจากเอเปค 60.57 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.80 ล้านล้านบาท)