เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงว่า ในการประชุมศูนย์บูรณาการแก้ไขโควิด-19 ในกทม.และปริมณฑล ซึ่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑลเข้าร่วมประชุมนั้นได้มีการรายงานของแต่ละพื้นที่ เช่น รองผู้ว่าฯ ปทุมธานี ระบุว่า การแพร่ระบาดใน จ.ปทุมธานียังอยู่ที่บริษัทชำแหละไก่พื้นที่ลำลูกกา จ.ปทุมธานี การลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกสัปดาห์ที่ผ่านมามี 1,626 ราย พบ 729 รายติดเชื้อ ทำให้ยอดสะสมการตรวจเชิงรุกในพื้นที่ดังกล่าว 2,073 ราย มีผู้ติดเชื้อ 854 ราย ในส่วนของ จ.สมุทรปราการ ยังเฝ้าระวังอยู่ที่โรงงานฟอกหนัง มีการตรวจเชิงรุกไป 415 ราย ผลบวก 27 ราย ขณะที่จ.เพชรบุรี ยังคงเฝ้าจับตาโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ที่ขณะนี้มีการกระจายผู้ติดเชื้อไปถึง 11 จังหวัด ที่ประชุมจึงมีความเป็นห่วงการติดเชื้อในโรงงาน โดยกรมควบคุมโรคมีความเป็นห่วงในส่วนของโรงงานเนื่องจากการสอบสวนโรคพบว่าสภาพแวดล้อมแออัด คนงานยังใช้ชีวิตร่วมกัน ใช้แก้วด้วยกัน คล้ายกับในแคมป์คนงาน พบเชื้อโควิดบริเวณตู้กดน้ำ บางคนสูบบุหรี่มวนเดียวกัน และแม้สถานบริการผับบาร์ปิดไปแล้ว แต่คนงานสังสรรค์กันเองในโรงงาน หรือแม้แต่ห้องเปลี่ยนชุดก็มีลักษณะคับแคบ เหล่านี้เป็นปัจจัยแพร่ระบาด ที่ประชุมศบค.ชุดเล็กจะมีหลังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการที่บูรณาการร่วมกันทั้งกระทรวงแรงงาน สภาอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย สาธารณสุขจังหวัด เพื่อสุ่มตรวจ หากพบเชื้อต้องมีมาตรการดูแลแยกกักให้เหมาะสม โดยนโยบายเน้นให้โรงงานต่างๆยังสามารถประกอบกิจการได้ อาจปิดทำความสะอาด 1-3 วัน และทบทวนมาตรการจัดการให้เขาสามารถดูแลการแพร่ระบาดระหว่างบุคคลและไม่ให้ระบาดไปยังชุมชน และต้องหใ้โรรงานเหล่านี้ร่วมมือกัยมาตรการต่างๆ