ไทย ร่วมประชุม PSMA ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อหารือด้านมาตรการรัฐเจ้าของท่าและการแก้ปัญหา IUU สร้างความตระหนักการใช้ทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน พร้อมกล่าวสุนทรพจน์แถลงความร่วมมือปฏิรูปภาคประมงไทย เผยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานระบบอาหารโลกต่อยอดภาคประมงสู่ระบบอาหารยั่งยืน เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ประเทศไทย ในฐานะสมาชิกขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้เข้าร่วมการประชุมภาคีความตกลงว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า หรือ PSMA ครั้งที่ 3 จัดโดย FAO และคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ด้านสิ่งแวดล้อม มหาสมุทร และประมง (European Commission for Environment, Oceans and Fisheries) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการดำเนินงานตามมาตรการ PSMA ในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประมงและมหาสมุทรอย่างยั่งยืนร่วมกับประเทศสมาชิกอีก 149 ประเทศ โดยเป็นการประชุมในรูปแบบออนไลน์ (Virtual meeting) และเข้าร่วมการเสวนา (Panel Discussion) ในการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูง (High-Level Event) เรื่อง ข้อตกลงว่าด้วยมาตรการ รัฐเจ้าของท่า (PSMA) และการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เป็นผู้แทนประเทศไทย ที่ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ระดับรัฐมนตรี (Testimonial Statement) ร่วมกับรัฐมนตรีจาก 6 ประเทศ โดยกล่าวว่า ประเทศไทยได้กำหนดให้การต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 โดยมีการปฏิรูปกฎหมาย เพื่อให้การบริหารจัดการด้านประมงของประเทศไทยสอดคล้องกับมาตรฐานและกฎระเบียบระหว่างประเทศ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยได้นำมาตรการ PSMA มาสู่การปฏิบัติเป็นผลสำเร็จ โดยการใช้มาตรการป้องกันมิให้เรือประมงที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฎหมายเข้าเทียบท่า ทำให้มีสถิติการจับกุมและปฏิเสธการเทียบท่าของสินค้าสัตว์น้ำที่ผิดกฎหมาย และการใช้มาตรการทางกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือกันของรัฐภาคี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รัฐเจ้าของธง รัฐชายฝั่ง รัฐเจ้าท่า และรัฐเจ้าของตลาด รวมทั้งองค์กรภายในและระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่คุณค่าของสินค้าการประมง ​รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเล รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวประมง ด้วยการสนับสนุนของ FAO และภาคส่วนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ จึงนำมาสู่ความสำเร็จเชิงประจักษ์ เห็นได้จากการฟื้นตัวเข้าสู่สมดุลของทรัพยากรประมงของประเทศไทย และปริมาณสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการจัดตั้งเครือข่ายอาเซียน (AN-IUU) เพื่อต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายในปี 2562 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการทำประมงที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยืนยันว่าประเทศไทยมีความมุ่งมั่นในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายและจะดำเนินตามนโยบาย IUU Free Thailand ใช้ประโยชน์จากความตกลงว่าด้วยมาตรการ PSMA ในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประมงและมหาสมุทรอย่างยั่งยืน ​นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2564 ประเทศไทยยังได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรว่าด้วยระบบอาหารโลก (Pre-Ministerial UN Food Systems Summit 2021) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใช้ระบบอาหารและการเกษตรเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 เป้าหมาย โดยประเทศไทยยืนยันที่จะเป็นครัวของโลก จึงร่วมต่อยอดความสำเร็จของ PSMA เพื่อให้ภาคการประมงเป็นส่วนหนึ่งของระบบอาหารที่ยั่งยืน อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายได้ถูกยกให้เป็นวาระแห่งชาติ ภายใต้การกำหนดนโยบายด้านการประมงของคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด โดยกรมประมงได้ดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยได้วางระบบการป้องกันการทำประมงผิดกฎหมายไว้ 6 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านกฎหมาย 2.ด้านการบริหารจัดการประมง 3.ด้านการบริหารจัดการกองเรือ 4.ด้านการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) 5.ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ และ 6.ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตามนโยบาย “ป้อง ปราม ปราบ” ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนประเทศไทยเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างยั่งยืน