น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 4 เดือนของปี 64 (ม.ค.-เม.ย.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.5% โดยสาเหตุหลักมาจากการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ที่ลดลง 64.8% สำหรับการใช้กลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 4.5% กลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้น 1.0% น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 24.4% น้ำมันก๊าดลดลง 4.7% LPG เพิ่มขึ้น 3.8% และ NGV ลดลง 23.6% โดยการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเดือน ม.ค.-เม.ย.64 เฉลี่ยอยู่ที่ 30.8 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เพิ่มขึ้น 4.5%) โดยปริมาณการใช้กลุ่มแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30.1 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้น 4.8%) ในขณะที่การใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.7 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 9.0%) อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาการใช้กลุ่มเบนซินเฉพาะเดือน เม.ย.64 พบว่าการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 29.9 ล้านลิตร/วัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (เดือนมี.ค.64 อยู่ที่ 33.9 ล้านลิตร/วัน) โดยเป็นการลดลงของกลุ่มเบนซินทุกชนิด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่ทำให้ภาครัฐต้องออกมาตรการควบคุมพื้นที่ ซึ่งส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเดือน ม.ค.-เม.ย.64 เฉลี่ยอยู่ที่ 66.8 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย (เพิ่มขึ้น 1%) สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี7 มีปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 39.7 ล้านลิตร/วัน (ลดลง ร้อยละ 18.7) น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค.62 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 23.8 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 1.1 ล้านลิตร/วัน การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 64.8%) เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและการเดินทางโดยเครื่องบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 16.2 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เพิ่มขึ้น 3.8%) โดยปริมาณการใช้ในภาคปิโตรเคมีขยายตัวและมีการใช้มากที่สุดอยู่ที่ 6.8 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 8.5%) ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีการใช้อยู่ที่ 1.9 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 7.0%) และภาคครัวเรือนมีการใช้อยู่ที่ 5.7 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 4.2%) ขณะที่ภาคขนส่งมีการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 1.8 ล้านกก./วัน (ลดลง 13.5%) การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.3 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 23.6%) โดยเป็นผลต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับจำนวนสถานีบริการและรถ NGV ที่ลดลง โดยการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือน ม.ค.-เม.ย.64 เฉลี่ยอยู่ที่ 914,677 บาร์เรล/วัน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 7.5%) โดยการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงมาอยู่ที่ 872,568 บาร์เรล/วัน (ลดลง 8.0%) มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 49,185 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 1.2%) สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 42,109 บาร์เรล/วัน (เพิ่มขึ้น 2.8%) คิดเป็นมูลค่านำเข้ารวม 2,541 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 32.3%) โดยมูลค่าการนำเข้าที่สูงขึ้นนั้นเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 64 ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกลดลงมาอยู่ที่ 170,163 บาร์เรล/วัน (ลดลง 8.8%) คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 10,262 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 11.0%)