เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค. กล่าวว่า สำหรับการประชุมศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการแบ่งเป็น 6 กลุ่มเขต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบูรณาการแก้ปัญหา คือ กรุงเทพฯกลาง กรุงเทพฯตะวันออก กรุงเทพฯใต้ กรุงเทพฯเหนือ กรุงธนใต้ และกรุงธนเหนือ โดยกลุ่มเขตที่พบผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 14 วันจำนวนมาก คือ เขตกรุงเทพฯกลาง กรุงเทพฯตะวันออก กรุงเทพฯใต้ ซึ่งการขับเคลื่อนการบริหารสถานการณ์โควิดผ่านกลุ่มเขตนี้ จะมีการตรวจหาเชิงรุกในทุกพื้นที่ และจากข้อมูลพบว่าทุกกลุ่มเขตมีตลาดรวมกันถึง 486 ตลาด จะให้แต่ละตลาดทำการประเมินตนเองผ่านทางไทยสต็อปโควิดและทางสำนักงานเขต เพื่อดูสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างตลาดเพื่อใช้โอกาสการแพร่ระบาดโควิดนี้เปลี่ยนแปลงตลาดให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลทั้ง 50 เขต ที่มีจำนวนชุมชนรวมกันทั้งสิ้น 2,069 ชุมชน โดยผอ.เขตต้องไปประชุมร่วมกับประธานชุมชน ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญเพื่อพูดคุยปรึกษากัน เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการบริหารจัดการ ขณะที่แคมป์ก่อสร้าง 409 แห่งนั้นมี 30 แคมป์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องเข้าไปจับตามมองเพื่อปรับปรุง ต้องขอให้เจ้าของกิจการให้ความร่วมมือด้วย
โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้ยกตัวอย่างพื้นที่เขตบางกะปิขึ้นมา โดยจะเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีผู้ป่วยรายใหม่ 10 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นมามีผู้ติดเชื้อถึง 896 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 12 ราย โดยพื้นที่บางกะปิมีทั้งตลาด คอนโดมีเนียม ห้างสรรพสินค้า แฟลต หมู่บ้าน มีความแออัด มีถึง 6 คลัสเตอร์ที่ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ และถ้าดูเฉพาะตลาดนั้น เขตบางกะปิมีถึง 5 ตลาด มีแผง 1,135 แผง มีผู้ค้าทั้งชาวไทยและต่างด้าว 1,646 คน ข้อมูลเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเพื่อจะได้ชี้แนะการดำเนินการลงไป อย่างไรก็ตามตนขอแรงประชาชน กทม. และผู้ประกอบการให้ดูแลสุขอนามัย ภาครัฐจะนำแผนมาปรับปรุงและจะลงไปดูแลความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการต่างๆ ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ เราจะผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน