สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการผู้จัดการ และกรรมการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) กรณีเผยแพร่ข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ JKN ในลักษณะมีผลกระทบต่อราคาหุ้น JKN โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวมจำนวน 2,166,840 บาท สืบเนื่องจากมีข่าวปรากฏในหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์หลายแห่ง กรณีการเผยแพร่ข้อความการดำเนินธุรกิจของ JKN ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะชี้นำราคาหุ้น JKN และสำนักงาน ก.ล.ต.ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน เกี่ยวกับการกระทำของนายจักรพงษ์ที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมายในกรณีดังกล่าว ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าเมื่อวันที่ 8-9 มีนาคม 2564 นายจักรพงษ์ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในลักษณะว่า JKN เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กัญชงเจ้าแรกเจ้าเดียว และเช่าเวลาสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ แบบ 24 ชั่วโมง โดยสื่อความในทำนองว่าผลการดำเนินงานของ JKN จะดีขึ้นอย่างมาก หรือราคาหุ้น JKN จะปรับตัวสูงขึ้นมาก รวมทั้งมีข้อความในลักษณะชักชวนให้รีบซื้อหุ้น JKN ซึ่งข้อความที่นายจักรพงษ์เผยแพร่ดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลอื่นใดของ JKN ที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหรือต่อการตัดสินใจลงทุนใน JKN การกระทำของนายจักรพงษ์เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 240 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 วรรคสอง และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายจักรพงษ์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินจำนวน 2,166,840 บาท หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าที่ ค.ม.พ. กำหนดจนถึงอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้เงินค่าปรับทางแพ่งเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. นำส่งกระทรวงการคลัง น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนหรือบุคคลใด ต้องระมัดระวังในการสื่อสารหรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์นั้น นอกจากนี้ หากข้อความที่สื่อสารหรือเผยแพร่ ไม่เป็นจริง หรืออาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนเข้าใจผิดเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลใดที่เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน บุคคลที่สื่อสารหรือเผยแพร่ข้อมูลลักษณะดังกล่าวอาจมีความผิดตามกฎหมายได้