งาน The World Expo เป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นประจำทุก 5 ปี ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยงานมหกรรมโลก (Bureau of International Expositions หรือ BIE) อันถือเป็นพันธกิจของประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกของการเข้าร่วมงานทุกครั้งที่ผ่านมา โดยในปี ค.ศ.2020 หรือ พ.ศ. 2563 งาน World Expo จะจัดขึ้น ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งนับเป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคตะวันออกกลาง ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เปิดเผยว่า World Expo 2020 Dubaiจัดแสดงขึ้นภายใต้แนวคิดหลักคือ “CONNECTING MINDS, CREATING THE FUTURE”หรือ "เชื่อมความคิด สร้างอนาคต” มีจุดประสงค์เพื่อเป็นเหมือนสัญญาณที่จะส่งต่อให้ทุกคนร่วมใจกันพัฒนาโลก ประกอบกับสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อๆไป รวมทั้งพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภาคองค์กรและภูมิศาสตร์ เพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตลอดจนส่งเสริมการนำเสนอนวัตกรรม โดยแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อย่อยได้แก่ 1.โอกาส (Opportunity) 2.การขับเคลื่อน (Mobility) 3.ความยั่งยืน (Sustainability) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบและเป็นตัวแทนประเทศไทยในการเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการในงาน World Expo 2020 Dubai ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565 รวมตลอดระยะเวลาจัดงานทั้งสิ้น 6 เดือน เพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทยให้ทั่วโลกได้รับรู้ รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศไทยในทุกมิติ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างโอกาสและเชื่อมโยงประเทศสู่เวทีโลก อีกทั้งยังปฎิรูปประเทศไทยไปสู่เป้าหมายของการเป็นดิจิทัลไทยแลนด์อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างอาคารแสดงประเทศไทย หลังจากงานเลื่อนเนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ปัจจุบันอาคารแสดงประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการก่อสร้างแล้วประมาณ 60% ของภาพรวมโครงการทั้งหมด โดยงานฐานรากโครงสร้างหลัก เสร็จเรียบร้อย 100% ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ตั้งแต่แรก ณ ตอนนี้ อยู่ในขั้นตอนของงานระบบวิศวกรรมคืบหน้ากว่า 80% ในส่วนงานสถาปัตยกรรมภายใน และ งานภูมิสถาปัตยกรรม ดำเนินการไปแล้วกว่า 60% จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีผลกระทบต่อการก่อสร้างอาคารแสดงประเทศไทยบางส่วน และได้มีการปรับเปลี่ยน ให้เข้ากับกฎระเบียบมาตราการ Covid ของ UAE เนื่องจากการดำเนินการก่อสร้างอาคารแสดงประเทศไทย ใช้ทีมงานท้องถิ่นเป็นหลัก ควบคุมงานก่อสร้างโดยวิศวกรชาวไทย ซึ่งปฏิบัติงานต่อเนื่องในยูเออี โดยในงาน World Expo 2020 Dubai อาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ตั้งอยู่ในพื้นที่โซน Mobility บนพื้นที่ 3,606 ตรม. หรือ 2.25 ไร่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยเข้าร่วมในงาน “เวิลด์เอ็กซ์โป”จัดแสดงภายใต้แนวคิด Mobility for the Future การขับเคลื่อนสู่อนาคต ที่พร้อมจะเชื่อมโยงคนไทยกับคนทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน (Connecting minds) พร้อมร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคต (Creating the Future) เพื่อประกาศศักยภาพการเป็นผู้นำเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทยในเวทีระดับโลก และพัฒนาประเทศไทยสู่จุดหมายการเดินทางของคนทั้งโลกอย่างแท้จริง สำหรับการออกแบบอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ได้นำเอาเสน่ห์ของคนไทย (Thai Hospitality) มาร้อยเรียงอยู่ในทุกองค์ประกอบ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าชมตั้งแต่แรกเห็นผ่านดอกไม้ไทย คือ ดอกรัก ซึ่งเปรียบเสมือนการต้อนรับอันอบอุ่นจากคนไทย โดยดอกไม้ยังเป็นสัญลักษณ์ เพื่อสื่อถึงการพัฒนาที่แผ่ขยายในวงกว้าง เปรียบเสมือนเกสรดอกไม้ที่แผ่กระจายและส่งต่อการเจริญเติบโตต่อไป โดยแนวความคิดการออกแบบอาคารแสดงประเทศไทย ประเทศไทยใช้ พวงมาลัย เป็นสัญลักษณ์ประจำอาคารแสดงประเทศไทย เพื่อสื่อถึงมิตรภาพและการต้อนรับอย่างจริงใจที่คนไทยมอบให้ผู้มาเยือนทุกคน ส่วนลายเส้นในพวงมาลัยเป็นการสื่อถึงการเชื่อมต่อของเทคโนโลยีดิจิทัลแบบไร้ขีดจำกัด การใช้สีทองเป็นสีหลักเพื่อสื่อถึงแผ่นดินสุวรรณภูมิ และยังมีองค์ประกอบอื่นๆที่สำคัญได้แก่ “สีทอง” เป็นสีหลักเพื่อสื่อถึงแผ่นดินสุวรรณภูมิ และเป็นสีเอกลักษณ์แห่งคุณค่างานสถาปัตยกรรมไทย เป็นองค์ประกอบของอาคารเครื่องยอดต่างๆ แสดงออกถึงความสำคัญของอาคาร ผู้ออกแบบจึงนำสีทองมาเน้นเป็นจุดเด่นให้แก่ตัวอาคารแสดงประเทศไทย เพื่อสื่อถึงแผ่นดินทองที่มีความอุดมสมบูรณ์และเปี่ยมไปด้วยอารยธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน ขณะที่ “การไหว้” เป็นมารยาททางสังคมไทยอันงดงาม ซึ่งความหมายสำคัญที่สุด ที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก คือ การสวัสดี ที่หมายถึงการ “ยินดีต้อนรับ” สู่ “อาคารแสดงประเทศไทย” ผ่านการจัดองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของอาคาร โดยมีลักษณะเป็นซุ้มโค้งคล้ายคนประนมมือไหว้ สร้างจุดเด่นและเอกลักษณ์ของอาคาร นอกจากนี้รูปแบบซุ้มโค้งดังกล่าว ยังสื่อความหมายถึงเอกลักษณ์งานสถาปัตยกรรมไทย อันได้แก่ ทรงจอมแห ลักษณะของพระปรางค์วัดอรุณ หรือจั่วของบ้านเรือนไทย สำหรับ “พวงมาลัย” คือ พวงดอกไม้ที่เกิดจากการนำดอกไม้ ใบไม้ชนิดต่างๆ ที่มีกลิ่นหอม มาร้อยเรียงให้เป็นพวงดอกไม้ที่มีสีสันและองค์ประกอบที่อ่อนช้อย งดงาม ใช้ในโอกาสมงคล เช่น ไหว้พระ บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ และที่สำคัญใช้สำหรับการ “ต้อนรับ” และสิ่งหนึ่งที่ทุกคนสามารถรับรู้หรือสัมผัสได้เมื่อได้รับ “พวงมาลัย” คือ “กลิ่นหอม” จากดอกไม้ รูปแบบของการร้อยมาลัยจึงถูกนำมาใช้ในงานผนังตกแต่งของอาคาร เพื่อสร้างจินตภาพให้กับผู้เข้าชมอาคาร รับรู้ถึงกลิ่นหอมและรู้สึกถึง “กลิ่นไทย” ด้วยองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้อาคารแสดงประเทศไทย สามารถแสดงถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมและรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ การออกแบบอาคารแสดงประเทศไทยในทุกขั้นตอน ยังมุ่งเน้นการก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบยั่งยืน มีการนำเทคโนโลยีออกแบบมาปรับใช้ในอาคาร ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยคำนึงถึงความยั่งยืนของธรรมชาติเป็นหลัก เช่น การจัดวางพื้นที่ในส่วนต่างๆ ของอาคารแสดงประเทศไทย ยึดหลักการออกแบบตามทิศทางแสงจากร่มเงาของธรรมชาติ เพื่อช่วยลดถอนความร้อนจากภายนอกที่จะผ่านเข้ามาในตัวอาคารได้เป็นอย่างดี ตลอดช่วงระยะเวลาการจัดงาน สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการภายในอาคารแสดงประเทศไทย แบ่งการนำเสนอออกเป็น 4 ห้อง ที่จะนำเสนอความเป็นไทยในมิติต่างๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี พร้อมการนำเสนอโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โครงการในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงนำมาปรับใช้เป็นรากฐานการพัฒนาประเทศ ตลอดจนโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ประกอบด้วย ห้องนิทรรศการที่ 1 : THAI MOBILITY นำเสนอเรื่อง Mobility ผ่านงานประติมากรรมไทยชั้นสูง อันเป็นศิลปะและเอกลักษณ์ไทย และความวิจิตรของงานฝีมือไทย ห้องนิทรรศการที่ 2 : MOBILITY OF LIFE แสดงให้เห็นถึงการเป็น HUB ศูนย์กลางของภูมิภาคตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความเป็นมิตรของไทย โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและเปิดใจต้อนรับนานาชาติ ห้องนิทรรศการที่ 3 : MOBILITY OF THE FUTURE นำเสนอการพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยผ่านเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ทั้ง 7 ด้าน คือ 1. SMART Economy (การเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจและการลงทุน) 2. SMART Mobility (ระบบการขนส่งและการเดินทางที่ทันสมัย) 3. SMART People (การศึกษาที่เข้าถึงทุกคนไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล) 4. SMART Living (การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี) 5. SMART Governance (การพัฒนาระบบข้อมูลและการให้บริการภาครัฐ) 6. SMART Environment (การบริหารจัดการทรัพยากร) และ7. SMART Energy (การบริหารจัดการด้านพลังงาน) ที่นอกจากจะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนแล้ว ยังทำให้ประเทศมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อผลักดันตัวเองเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาค ห้องนิทรรศการที่ 4 : HEART OF MOBILITY นำเสนอเหตุผลสำคัญที่ทำไมคนต่างชาติถึงหลงเสน่ห์เมืองไทย อยากมาลงทุน มาท่องเที่ยวในประเทศไทย โยเล่าเรื่องผ่านชาวต่างชาติ ที่ได้เข้ามาสัมผัสและรักประเทศไทย ขณะเดียวกันในอาคารแสดงประเทศไทยยังมีส่วนของร้านอาหารไทย ให้บริการแก่ผู้เข้าชมงาน ได้ลิ้มลองอาหารไทยและร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการไทยที่ได้รับการคัดเลือก เพื่อมาแสดงศักยภาพในครั้งนีอีกด้วย โดยการเข้าร่วมงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ ของประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นในมิติต่างๆ อันเป็นการกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนตามมาในอนาคต อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่างๆ ของประเทศไทย ตลอดจนการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวเห็นว่าเที่ยวเมืองไทยสะดวกปลอดภัย รวมถึงกระชับความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศและนโยบายอื่นๆของรัฐบาลไทยกับนานาประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการอาคารแสดงประเทศไทย ในงาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ขอเชิญชวนร่วมภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ความเป็นไทย รวมถึงการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการพัฒนาด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่างๆ บนเวทีโลก สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของอาคารแสดงประเทศไทย ผ่านทางเว็บไซต์ WWW.EXPO2020DUBAITHAILAND.COM หรือสื่อสังคมออนไลน์ : EXPO2020DubaiThailand ซึ่งจะมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางเว็บไซด์ดังกล่าวตลอดระยะเวลาการจัดงาน