เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 64 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายกฤตพงค์ หรือธิ (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ตามหมายจับ 2 หมาย ของศาลจังหวัดหล่มสัก ที่ 46/2564 ลง 5 เม.ย.64 และหมายจับของศาลจังหวัดหล่มสัก ที่ 47/2564 ลง 5 เม.ย. 64 โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกง ได้ที่ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 63 นายกฤตพงศ์ หรือธิ (ผู้ต้องหา) ได้หลอกลวงผู้เสียหาย และทางวัดป่า ใน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ว่าตนทำงานอยู่ที่บริษัทรังวัดที่ดินของเอกชน และรู้จักสนิทสนมกับอธิบดีกรมที่ดิน สามารถดำเนินการรังวัดที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 ให้ได้ โดยตนสามารถติดต่อประสานงานกับอธิบดีกรมที่ดิน ให้ทำหนังสือสั่งการมายังผู้ว่าราชการ จ.เพชรบูรณ์ ให้เร่งการดำเนินการของสำนักงานที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ สาขาหล่มเก่า ในการออนโฉนดที่ดินให้เร็วกว่าปกติ โดยมีค่าดำเนินการไร่ละ 10,000 บาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำเอกสารข้อตกลงให้ผู้ต้องหาดำเนินการดังกล่าวกับที่ดินจำนวน 20 ไร่ โดยผู้เสียหายได้โอนเงินค่าดำเนินการให้กับผู้ต้องหาเป็นเงินจำนวน 200,000 บาท โดยในวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ซึ่งเป็นวันนัดหมายที่ผู้ต้องหาแจ้งว่าจะนำโฉนดที่ดินที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้วมามอบให้ ผู้ต้องหากลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ และไม่นำโฉนดที่ดินมามอบให้กับผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนถูกหลอก จึงได้แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้เสียหายในพื้นที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ อีก 2 ราย ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 380,000 บาท จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. ทำให้ทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร กระทั่งวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณที่พักใน ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ดำเนินคดีต่อไป จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้หลอกลวง แต่ได้รับเงินของผู้เสียหายมาจริง ซึ่งในพื้นที่ของ สภ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกจำนวน 3 ราย คือ วัดป่าฯ ใน อ.หล่มเก่า จำนวน 200,000 บาท ชาวบ้านในพื้นที่ จำนวน 300,000 บาท ชาวบ้านในพื้นที่ จำนวน 80,000 บาท โดยตนได้อ้างกับผู้เสียหายว่าสามารถดำเนินการออกโฉนดที่ดินได้รวดเร็วกว่าปกติทั่วไป ไม่ได้อ้างกับผู้เสียหายว่ารู้จักกับอธิบดีกรมที่ดิน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงแต่อย่างใด และได้บอกกับผู้เสียหายว่าต้องมีค่าดำเนินการ ไร่ละ 10,000 บาท ซึ่งภายหลังที่ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว ตนได้จ้างพนักงานรังวัดที่ดินภาคเอกชนมาดำเนินการตามขั้นตอนจริง แต่ภายหลังเกิดปัญหา ไม่สามารถดำเนินการออกโฉนดได้ และทางผู้เสียหายเห็นว่าการดำเนินการช้า จึงติดต่อขอยกเลิกและขอเงินคืน แต่ตนไม่สามารถนำเงินมาคืนให้ได้ เนื่องจากนำไปใช้จ่ายส่วนตัวจนหมดแล้ว