วันที่ 20 พ.ค.64 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า
กลุ่ม “ประชาชนคนไทย” เรียกร้องให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นให้รัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง แล้วจัดตั้ง “รัฐบาลสร้างชาติ” ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาของชาติ แก้รัฐธรรมนูญ แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
ในหลักการ ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอที่ขอให้ตั้ง รัฐบาลเพื่อชาติขึ้น และเห็นด้วยว่า รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการปฏิรูปประเทศ แต่ยังไม่แน่ใจเสียทีเดียวว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ล้มเหลวในการจัดการสถานการณ์โควิดหรือไม่
แม้จะเห็นด้วยในหลักการ แต่ในความเป็นจริง โอกาสที่ข้อเรียกร้องนี้จะเกิดได้ขึ้น เกือบจะเป็นศูนย์
กลางปีที่แล้ว ผมเคยเสนอทางออก ในสถานการณ์ที่ม็อบ 3 นิ้ว เสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่งผมเสนอไว้ดังนี้
1. ให้ฝ่ายผู้ชุมนุม หยุดการล่วงละเมิดและหยุดเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อหยุดความขัดแย้ง และความแตกแยกที่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆไว้ก่อน
2. รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำการชุมนุมที่ถูกจับกุมทั้งหมด ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายด้วย
3. ตั้งโต๊ะเจรจา โดยให้ทุกฝ่ายส่งตัวแทนเข้ามา โดยไม่ต้องตั้งกรรมการสมานฉันท์ให้เสียเวลา และยังไม่ต้องให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก
4. หากจะให้พลเอกประยุทธ์ลาออก ต้องตกลงกันว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องไม่มาจากพรรคการเมือง ใดๆ นั่นคือไม่มาจากรายชื่อเดิม ซึ่งสังกัดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
5. วิธีการคือ เสนอชื่อพลเอก ประยุทธ์เช่นเดิม หรือจะเสนอผู้อื่นในรายชื่อที่ได้รับการเสนอก็ได้ แต่ร่วมมือกันลงคะแนนให้ได้น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.และส.ว. รวมกัน จากนั้นปิดประชุม และเข้าชื่อกันเพื่อขอยกเว้นไม่เอารายชื่อเดิม
6. ร่วมกันคัดเลือก จากคนที่ไม่ใช่นักการเมือง เลือกคนที่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ และการบริหาร และเข้าใจธุรกิจ ที่เป็นที่ยอมรับในความสามารถ เสนอชื่อเข้าสภา และทั้ง 2 สภาร่วมกันลงคะแนนให้ได้คะแนนมากกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกของทั้ง 2 สภารวมกัน เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
7. ให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เลือกคณะรัฐมนตรีได้อย่างอิสระ โดยเลือกคนที่มีความสามารถเหมาะสม ที่จะเป็นรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง จะมาจากส.ส.หรือไม่ก็ได้ ภาระกิจคือ ดูแลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และดำเนินการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย รวมทั้งพรบ ประกอบรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นภายในปีครึ่ง จากนั้นจึงยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
ในช่วงนั้น ไม่มีใครสนใจข้อเสนอข้างต้นนี้เลย
การที่จะให้ได้นายกรัฐมนตรี นอกเหนือจากรายชื่อตามบัญชีที่ประกาศก่อนการเลือกตั้ง จะต้องลงคะแนนเลือกบุคคลตามที่อยู่ในบัญชีก่อน เมื่อไม่มีใครได้เสียงถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภารวมกัน ต้องปิดประชุม หลังจากนั้นต้องเข้าชื่อกันใหม่เพื่อขอเปิดประชุม แล้วเสนอชื่อคนที่อยู่นอกบัญชี ซึ่งต้องได้คะแนนเสียงรวมกันทั้ง 2 สภาไม่น่อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่
คิดหรือว่า นักการเมือง ไม่ว่าฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะเอาด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวุฒิสมาชิก ซึ่งน่าจะมีไม่เกิน 2 คน ที่จะเอาด้วย
ยิ่งยากกว่านั้นคือ การหาคนที่เก่ง และซื่อสัตย์ มือสะอาด มีพื้นฐานความรู้ที่เหมาะสม และยอมเสียสละเพื่อชาติ เพื่อเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
ขึ้นชื่อว่านักการเมือง คงยากที่จะยอมสูญเสียอำนาจง่ายๆ และยากที่จะไม่พยายามช่วงชิงอำนาจเมื่อมีโอกาส หากแต่อยากได้ตำแหน่งโดยไม่คำนึงถึงขีดความสามารถตัวเอง ไม่คำนึงถึงสถานการณ์อะไรทั้งสิ้น
สรุปง่ายๆคือ เราคงต้องยอมให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก และต้องทนกับบรรดารัฐมนตรีที่เป็นนักการเมืองที่กระหายตำแหน่งทั้งหลายต่อไปอีกเช่นกัน ส่วนม็อบ 3 นิ้ว ก็จะยังคงมีต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งหลังแก้รัฐธรรมนูญ หรือหลังการยุบสภาฯก็ตาม"