เมื่อวันที่ 19 พ.ค.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลบริหารสถานการณ์โควิด-19 ล้มเหลว แม้ที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะใช้ทุกอำนาจ ใช้กฎหมายทุกมาตรา รวมไปถึงการออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พรก.ฉุกเฉิน แต่ไม่สามารถหยุดการระบาดของเชื้อไวรัสได้ รวมไปถึงการบริหารจัดการวัคซีนที่ล่าช้า ยิ่งแสดงให้เห็นถึงการไร้ความสามารถของรัฐบาล ทั้งนี้รัฐบาลบกพร่องตั้งแต่การจองวัคซีน การได้มาซึ่งวัคซีนและการฉีดให้ประชาชนยิ่งล้มเหลวหนักขึ้น เพราะประชาชนจำนวนมากเข้าไม่ถึงวัคซีน พล.อ.ประยุทธ์เลือกที่จะไม่พูดความจริงกับประชาชน จนถึงเวลานี้รัฐบาลไม่เคยเปิดเผยว่า ประเทศไทยมีจำนวนวัคซีนเท่าใด ที่พลเอกประยุทธ์บอกว่าจะมีวัคซีนมาเพิ่ม ขอถามว่ารัฐบาลจะนำวัคซีนมาจากไหน จำนวนเท่าไหร่และมาเมื่อไหร่ รัฐบาลต้องเปิดเผยความจริงกับประชาชน เพราะการเลือกที่จะปกปิดข้อมูลทุกอย่าง กับประชาชน ทำให้ประชาชนหมดความศรัทธาที่มีต่อรัฐบาลของประเทศ ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ เป็นผู้นำที่บริหารประเทศแบบไม่รับผิดชอบต่อชีวิตประชาชน นายนิยม กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญความเชื่อมั่น เชื่อถือของประเทศที่เคยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ถูกพลเอกประยุทธ์ ทำลายลงโดยสิ้นเชิง ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การลงทุนและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นกลับมาได้ นักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากรัฐไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวได้ หนักที่สุดคือนักลงทุนเขาก็ไม่มา เพราะรัฐบาลทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าลง ดังนั้นผลที่ออกมาคือ ไทยไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญด้านการลงทุนในภูมิภาคนี้แล้ว