แม่ทัพภาคที่ 4 ลงสำรวจหลักหมุดชายแดนไทย-มาเลย์ ขณะที่การลักลอบเข้าเมืองพบสถิติทางทะเลสูงสุด เชื่อยังมีคนไทยในต่างแดนที่เตรียมถูกผลักดันกลับขอให้เข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรค
ที่เกาะบ้านหัวแหลม หมู่ที่ 3 ตำบลปูยู อำเภอเมือง จังหวัดสตูล พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะ ลงสำรวจพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างตำบลปูยู จังหวัดสตูล กับรัฐเปอลิส โดยมีนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัด ผบ.ร้อยร. 5 พัน 2 ตำรวจ เจ้าท่าส่วนภูมิภาค ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และหลายหน่วยที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ พร้อมฟังการรายงานสถานการณ์ล่าสุดพื้นที่ตะเข็บชายแดน เส้นทางลักลอบหลบหนีเข้าเมือง
ก่อนจะลงเรือสำรวจพื้นที่หลักหมุดเขตแดน B1 ชายแดนติดและเยี่ยมกำลังพลเสริมความกำลังใจและมอบนโยบายการทำงานให้เข้มข้น ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้ามาของบุคคลผิดกฎหมายไม่ผ่านการคัดกรองและกระทำผิดในประเทศได้
พร้อมกันนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสตูล และให้กำลังใจหน่วยกองกำลังชุดปฏิบัติการจรยุทธ ซึ่งปฏิบัติติหน้าที่ตามแนวชายแดน ในการสกัดกั้นยับยั้งผู้ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย โดยผลการปฏิบัติงานพบคนไทยที่เข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย 44 ราย พม่า 18 ราย มาเลเซีย 4 ราย และลาว 1 ราย ลักลอบกลับมาทางเรือ ทุกคนนำเข้าสู่ขบวนการคัดกรองและ Local Quarantine
พร้อมมั่นใจว่า กอ.รมน.จ.สตูล และผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการทำงานทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดแข็งของจังหวัดสตูล คือประชาชนให้ความร่วมมือกับส่วนราชการเป็นอย่างดี อีกประการหนึ่งในการลงพื้นที่จังหวัดสตูลเพื่อยืนยันหากทางจังหวัดสตูล ต้องการให้หน่วยทหารสนับสนุนในเรื่องใด ทางกองทัพภาค4 พร้อมสนับสนุนทั้งอุปกรณ์และกำลังพลในการยับยั้ง ป้องกันโควิด-19 รวมทั้ง โรงพยาบาลสนาม เตียงพร้อมสนับสนุน และขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือการป้องกันแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่เพราะหากไม่ร่วมมือจะเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงต่อไป
นอกจากนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับว่า ยังมีแรงงานไทยอีกส่วนหนึ่งที่ทางการมาเลเซียเตรียมผลักดันกลับ โดยไม่ทราบตัวเลขที่แน่ชัดว่าถึงหลักหมื่นรายหรือไม่ แต่ได้ตรึงกำลังขอให้คนเดินทางกลับให้ถูกช่องทางและเข้าสู่กระบวนการรคัดกรอง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไวรัสโควิด 19 ที่กำลังระบาดในขณะนี้
ก่อนจะลงเรือสำรวจพื้นที่หลักหมุดเขตแดน B1 ชายแดนติดและเยี่ยมกำลังพลเสริมความกำลังใจและมอบนโยบายการทำงานให้เข้มข้น ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้ามาของบุคคลผิดกฎหมายไม่ผ่านการคัดกรองและกระทำผิดในประเทศได้
พร้อมกันนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสตูล และให้กำลังใจหน่วยกองกำลังชุดปฏิบัติการจรยุทธ ซึ่งปฏิบัติติหน้าที่ตามแนวชายแดน ในการสกัดกั้นยับยั้งผู้ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย โดยผลการปฏิบัติงานพบคนไทยที่เข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย 44 ราย พม่า 18 ราย มาเลเซีย 4 ราย และลาว 1 ราย ลักลอบกลับมาทางเรือ ทุกคนนำเข้าสู่ขบวนการคัดกรองและ Local Quarantine
พร้อมมั่นใจว่า กอ.รมน.จ.สตูล และผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการทำงานทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดแข็งของจังหวัดสตูล คือประชาชนให้ความร่วมมือกับส่วนราชการเป็นอย่างดี อีกประการหนึ่งในการลงพื้นที่จังหวัดสตูลเพื่อยืนยันหากทางจังหวัดสตูล ต้องการให้หน่วยทหารสนับสนุนในเรื่องใด ทางกองทัพภาค4 พร้อมสนับสนุนทั้งอุปกรณ์และกำลังพลในการยับยั้ง ป้องกันโควิด-19 รวมทั้ง โรงพยาบาลสนาม เตียงพร้อมสนับสนุน และขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือการป้องกันแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่เพราะหากไม่ร่วมมือจะเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงต่อไป
นอกจากนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับว่า ยังมีแรงงานไทยอีกส่วนหนึ่งที่ทางการมาเลเซียเตรียมผลักดันกลับ โดยไม่ทราบตัวเลขที่แน่ชัดว่าถึงหลักหมื่นรายหรือไม่ แต่ได้ตรึงกำลังขอให้คนเดินทางกลับให้ถูกช่องทางและเข้าสู่กระบวนการรคัดกรอง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไวรัสโควิด 19 ที่กำลังระบาดในขณะนี้