เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมแถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราพบว่าสถานการณ์โควิดในกรุงเทพและปริมณฑล ยังอยู่ในระดับที่ทรงตัว แม้ว่าเราจะสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อในบางพื้นที่ แต่ยังมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นมาอีก ทำให้ผมต้องเรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเป็นการด่วนในช่วงเช้าเมื่อวันที่ 17 พ.ค. เพื่อรับทราบข้อมูลล่าสุด และหาทางแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งผลของการประชุมสรุปได้ว่า จะเร่งแก้ไขปัญหาการติดเชื้อในเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ
นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้จะดำเนินการตรวจเชิงรุกให้ได้มากและเร็วที่สุด และจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำ เพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกมารักษา หากมีผู้มีอาการรุนแรง ก็จะนำไปรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทางตามระบบต่อไป จะให้การดูแลรักษาผู้ที่ติดเชื้ออย่างดีที่สุดด้วยความเท่าเทียม ซึ่งเรือนจำแต่ละแห่งเป็นระบบปิด จึงมีโอกาสที่จะแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชนได้น้อยมาก ซึ่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลเข้มงวด ทั้งนี้ในช่วงที่มีการระบาดจะไม่ให้มีการเข้าเยี่ยมจากภายนอกจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ในกรุงเทพและปริมณฑล จะยังเดินหน้าต่อไปในแนวทางที่ทำสำเร็จมาแล้ว คือการระดมตรวจเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วย ส่งตัวรักษา และระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งต้องควบคู่ไปกับการบังคับใช้มาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด นั่นคือการใส่แมสก์ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน การเว้นระยะห่าง และการตรวจวัดอุณหภูมิในทุกสถานที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การระบาดในขณะนี้เกิดขึ้นจากพื้นที่ที่มีการรวมตัวกันอย่างแออัจึงได้สั่งการให้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์ารแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.เร่งออกตรวจพื้นที่ที่มีโอกาสเสี่ยง ทั้งแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงาน และสถานที่อื่นๆในกรุงเทพฯ ทั้งหมด ซึ่งสถานที่ที่เกิดการระบาด รวมทั้งในเรือนจำ เราจะใช้แนวทาง Bubble and Seal คือการปิดกั้นการเดินทางเข้าออกของคนในสถานที่นั้นๆ เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายออกไปสู่ภายนอก ซึ่งการที่สถานที่ที่มีการแพร่กระจายส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปิด ทำให้ทีมแพทย์เชื่อว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว โดยมีการประเมิน สถานการณ์อย่างใกล้ชิดวันต่อวัน