กรณีเจ้าหน้าที่หน้าที่หลายหน่วยสนธิกำลังควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวเมียนมา 50 คน ลักลอบเดินเท้าหลบหนีเข้าเมืองบริเวณ ช่องทางธรรมชาติทางทิศเหนือของช่องวังเป้า หมู่ 12 บ้านน้ำโจน ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เกิดเหตุใกล้แนวสันเขา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำไปกักตัว 14 วัน ที่สถานกักกันที่กองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองฯ ก่อนผลักดันออกนอกประเทศ แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามโทรศัพท์มือถือจำนวน 31 เครื่องของชาวพม่า ซึ่งสูญหายทั้งหมดหลังจากมีการควบคุมตัว
วันที่ 15 พ.ค.64 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้แจ้งให้ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองฯ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อติดตามโทรศัพท์มือถือของผู้หลบเข้าเมือง ภายหลังพบว่าผู้นำท้องที่ที่เข้าควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวมีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และ หมู่ 12 ต.อ่าวน้อย พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นได้เข้าควบคุมตัวแรงงานเถื่อน ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 ราย ยืนยันว่า ไม่ได้เก็บมือถือของแรงงานต่างด้าว หากผลสอบไม่ได้ข้อสรุปจากอำเภอที่ชัดเจน จะเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุมตัว สำหรับการทำหน้าที่ของผู้นำท้องที่ได้กำชับให้ปฏิบัติตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ในพื้นที่ที่กำหนด และหลังจากนี้ขณะกักกันพื้นที่ต้องมีข้อห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าไปในจุดที่มีการควบคุมตัวแรงงานพม่าอย่างเด็ดขาด สำหรับการดูแลแรงงานเถื่อนระหว่างกักกันตัว มีข้อสรุปให้จ่ายอาหารต่อหัววันละ 150 บาทหรือ มื้อละ 50 บาทต่อคนตามอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนด รับผิดชอบโดย ตชด.ที่ 146 ด่านสิงขร
นางลั่นทม งุ่ยไก่ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 ต.อ่าวน้อย ผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยม เจ้าของรางวัลแหนบทองปี 2564 กล่าวว่า พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงและไทม์ไลน์ในการทำหน้าที่กับฝ่ายปกครองอำเภอกรณีโทรศัพท์ของแรงงานพม่าสูญหายและพร้อมพูดความจริงทุกเรื่อง หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนของอุทยานแห่งชาติกุยบุรีซึ่งเป็นญาติของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้ขอให้ตนช่วยสนับสนุนรถยนต์ เพื่อเดินทางไปควบคุมแรงงานเถื่อน 50 คน จากบริเวณช่องทางธรรมชาติและเดินเท้าเข้ามาในพื้นที่หุบตาเสริฐ หมู่ 12 ต.อ่าวน้อย ซึ่งยอมรับว่าเป็นพื้นที่นอกเขตรับผิดชอบ แต่ทราบว่าหลายครั้งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบแรงงานเถื่อนบริเวณแนวสันเขา และมีหลักฐานจากกล้องภาพถ่ายดักสัตว์ที่ติดตั้งไว้ในป่าในฝั่งไทย เมื่อแจ้งข้อมูลปรากฎไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปติดตามตรวจสอบ
“ ทุกครั้งที่ผู้นำท้องที่ควบคุมตัวแรงงานเถื่อน หน่วยงานด้านความมั่นคง 2 หน่วยที่มีหน้าที่ดูแลช่องทางธรรมชาติ และพื้นที่ 3 กิโลเมตรจากสันแดน จะเดินทางเข้าไปตรวจสอบแรงงานเถื่อนหลังหน่วยงานอื่นทุกครั้ง ที่ผ่านมาเก็บโทรศัพท์เมียนมาไปมากกว่า 100 เครื่อง แต่ไม่เคยนำข้อมูลในมือถือไปขยายผลจับกุมนายทุนที่อยู่เบื้องหลังแม้แต่รายเดียว เมื่อสอบถามฝ่ายความมั่นคงว่าทำไมปล่อยให้เมียนมาหนีเข้าเมืองเดินเข้ามาในหมู่บ้าน ได้รับการชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ นอกจากนั้นยังมีเบาะแสเจ้าหน้าที่รัฐหลายรายนำรถยนต์ส่วนตัวไปรับแรงงานเถื่อนในจุดนัดหมาย เมื่อขับผ่านด่านชุมชน อ้างว่าจะพาพม่าที่นั่งมาด้วยไปดำเนินคดี ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้รายงานพฤติกรรมทางลับจากพยานหลักฐาน มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐบาลบางรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าแรงงานเถื่อนในพื้นที่ แต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติและขอยืนยันว่าเมียนมาเถื่อนจะเดินเข้ามาในชุมชนหมู่บ้านไม่ได้ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายมีส่วนเกี่ยวข้อง “ นางลั่นทม กล่าว